ปีที่ผ่านมาเป็นที่เหมือนชีวิตมัน Settle มาก (แปลว่าอะไรฟะ)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมมองชีวิตตัวเองเหมือนการพัฒนาประเทศไทยมาก คือมาจากครอบครัวคนชั้นล่าง พ่อแม่เรียนจบแค่ประถม 4 ที่ได้รับอานิสสงน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนตัวมาอยู่ในกลุ่ม คนชั้นกลางระดับล่าง ซึ่งทำให้พอมีกำลังในการส่งเสียลูกชาย 2 คนเรียนจบวิศวะ
ผมและน้องชายเลยได้ทำงานที่มีรายได้ดีระดับหนึ่งที่พอเพียงที่จะขับเคลื่อนตัวเองจากครอบครัวคนชั้นกลางระดับล่าง มาเป็นคนชั้นกลางกลุ่มค่อนมาทางบนๆนิดหน่อย
ทำให้สามารถมองและวางแผนได้ว่า อีก 10 ข้างหน้าจะไปอยู่ตรงไหน อีก 20 ปีจะไปอยู่ตรงไหน แล้วหลังเกษียนจะอยู่ตรงไหน ใช้ชีวิตแบบไหน
เออ… แล้วชีวิตแบบไหนล่ะที่อยากใช้?
ก็ใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้ล่ะครับ กินตามร้านข้างทาง เที่ยวต่างจังหวัดบางครั้ง ต่างประเทศบางครั้ง ซื้อของฟุ่มเฟือยที่ต้องใช้งานเป็นบางครั้ง อยู่กับตัวเอง อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลงไป
เมื่อต้นปีก็แต่งงานแล้ว รู้สึกชีวิตก้าวสู่ความสมบูรณ์แล้ว (คือมีครอบครัว เหลือแค่มีลูกน่ะครับ)
จะบอกว่ามีความสุขดีอยู่ ก็พอจะเรียกได้ เพราะความทุกข์จัดๆ ก็ยังไม่มีหรือมีก็จัดการมันได้
จนช่วงกลางๆปี เริ่มมารู้สึกตัวเองว่า ตัวเองกำลังติดกับดับรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) เหมือนที่ประเทศไทยกำลังเจอ คือจากคนที่ลำบาก ลงแรงเหนื่อยมาหลายปี จนมาสบายได้ระดับหนึ่ง ก็เริ่มจะ enjoy life แล้วไม่อยากไปต่อ เริ่มเฉื่อย เริ่มไม่ Active เริ่มคิดว่า เท่านี้ก็พอแล้ว ปล่อยที่เหลือให้รุ่นถัดไปแล้วกัน (บล็อกก็ไม่เขียน)
ผม enjoy life แบบนี้อยู่หลายเดือน จนวันนึงเคลิ้มๆไปถึงขั้นคิดว่า เออ… ชีวิตมันหมดแล้วเนาะ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถ้าวันนี้โลกหายไปก็ไม่เสียดายอะไรเลยนะ
แล้วก็เหมือนสายฟ้าวิ่งเข้ามากลางสมองครับ
สติเริ่มกลับมาว่า เฮ้ย… นี่มันบ้าไปแล้ว กูทำห่าอะไรอยู่เนี่ย ใช้ชีวิตมายังไม่ถึงครึ่งชีวิตที่อยากอยู่เลย แล้วจะมาบอกว่า ชีวิตพอแล้วได้ไงวะ
พอสติเริ่มกลับ ค่อยมาเริ่มคิดว่าทำอะไรดี
ผมเลยต้องมานั่ง set milestone ใหม่ จากที่ตอนเรียนจบแรกๆ ผมไม่รู้จะตั้ง milestone ชีวิตยังไง ก็เลยใช้วิธีคล้ายกับที่เคยอ่านหนังสือของคุณสุจินต์มา คุณสุจินต์แกตั้งเป้าหมายชีวิตว่า อายุไม่เกิน เท่านี้ต้องเป็น GM อายุไม่เกิน 40 ต้องเป็น MD
คือตอนเรียนจบใหม่ๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า GM MD มันต่างกันยังไง มันต่างจากผู้จัดการยังไง ผมเลยใช้วิธีง่ายๆโดยตั้งเป้าจากเงินเดือน ประมาณว่าผมต้องได้เงินเดือนห้าหมื่นที่อายุเท่าไหร่ จากนั้นก็เงินเดือนแสนนึงที่อายุเท่าไหร่ (แล้วก็เพราะไอ้เงินเดือนแสนนึงมันกำลังจะเข้าเป้าแล้วน่ะล่ะ ก็เลยมาชิวแบบนี้)
ตอนนี้เลยต้องมาตั้งเป้าใหม่ว่า จะเงินเดือน 2 แสนล่ะนะ แต่ปัญหาคือ ยังมองไม่เห็นว่าเงินเดือนจะสองแสนได้ยังไงในระยะเวลาตามที่ตั้งเป้า ชีวิตก็เลยต้องมานั่งปรับฐาน เติมความรู้เติมสักยภาพด้วยการไปเรียน M.B.A.
บางคนอาจจะสงสัยว่า เฮ้ย.. แล้ว M.B.A. มาเกี่ยวอะไรวะ ผมอยากบอกว่า จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรหรอก แต่เคยฝันอยากเรียน M.B.A ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย แล้วคิดว่า อย่างน้อยมันก็คงไปตอบโจทย์การทำมาหากินในอนาคตได้ ไม่ว่าจะไปทำอะไรก็ตาม (เรียนมาแล้วเทอมนึง ก็ยังคิดว่าตัดสินใจไม่ผิด)
ไอ้เรียน M.B.A เนี่ย ผมก็เลยต้องมาตั้ง Goal ให้มันท้าทายตัวเองว่า ต้องได้ A หมดทุกวิชา
พอตั้งเป้าแบบนี้ก็สนุกดีนะครับ เพราะสมองมันจะคิดตลอดว่า ต้องทำยังไงเพื่อให้ได้ A วะ แล้วก็ทำให้เข้าใจว่า เพื่อนที่เรียนได้เกียรตินิยม มันทำกันยังไง ก็แค่เปิดเทอมมา ต้องตั้งเป้าว่าต้องได้ A ให้หมด แล้วก็เดินแบบนั้นให้ได้
Solution มันก็ไม่ได้ยาก เสียดายที่ไม่ได้คิดแบบนี้ตั้งแต่ตอนป.ตรี มันแต่ชิวกับชีวิตเกินไป ฮ่าๆ
พอมี Goal ใหม่ ชีวิตมันก็ขับเคลื่อนไปใหม่ เริ่มรู้สึกว่ามีความท้าทาย เริ่มต้องออกจาก Comfort Zone ชีวิตก็ดูสนุกมาอีกรอบ
จากเดิมที่มีความสุขกับชีวิตชิวๆ ตอนนี้ผมก็เริ่มเปลี่ยนมามีความสุขกับชีวิตที่ท้าทายตัวเองอีกครั้ง