สัมภาษณ์ MBA จุฬา

เมื่อวานไปสัมภาษณ์ MBA ที่จุฬามาครับ

แฮ่ม… ใช่แล้วครับ ผมกำลังจะเรียน MBA ซึ่งเหตุที่ไปเรียนก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากทำงานบริหารให้มันเข้าใจระบบแบบถึงแก่น ไม่อยากทำงานแบบมวดวัดเหมือนทุกวันนี้

เลยตัดสินใจเอาวะ เอาเงินเก็บหลายแสนมาจ่ายค่าเรียนล่ะกัน แต่จะได้เรียนหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับผลสัมภาษณ์นี่ล่ะ

ก่อนสัมภาษณ์ ผมก็พยายามหาข้อมูลจาก Internet ดูว่ามีใครพูดอะไรถึงการสัมภาษณ์มั่ง ปรากฏว่า…

ไม่มีครับ

ไม่ค่อยมีใครมาเล่าอะไรเลย ประหนึ่งมันเป้นความลับแห่งชาติ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้จะมีอะไรขนาดนั้น แถมผมว่า มันไม่ค่อยน่าจะตื่นเต้นอะไรด้วย แต่ไหนๆก็ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมที่คนร่วมเยอะ แต่คนแชร์น้อยแบบนี้ เลยเอามาเขียนบ้างดีกว่า เผื่ออนาคตจะได้กลับมาอ่าน

เตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์

เริ่มแรกก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะคณะนี้เค้าสัมภาษณ์แคนดิเดตประมาณ 108 คน แบ่งเป้นสัมภาษณ์ 3 วัน ตั้งแต่เวลา 16.00 -19.30 ซึ่งจากลำดับการสัมภาษณ์ ผมเป็นคนรองสุดท้ายเลย คือประมาณคนที่ 106 (มึงจะประมาณทำไม) ซึ่งวันที่ผมสัมภาษณ์มีคนโดนนัดมาร่วมชะตากรรมประมาณ 27 คน (ประมาณอีกแล้ว) ผมก็คำนวนเด็ดสระตี่ดูแล้ว คิดว่าแต่ละคนจะมีเวลาคุยประมาณ 10 นาที และกว่าผมจะได้สัมภาษณ์น่าจะประมาณ 19.00 เลยทีเดียว

คำถามแรกในใจคือ สาวจะสวยไหม? ไม่ไช่.. คือผมต้องไปตั้งแต่บ่ายสี่เลยปล่าววะ ต้องไปรายตัวลงชื่อยื่นเอกสารอะไรก่อนหรือปล่าว เพราะถ้าให้ไปนั่งรอเปล่าๆปลี้ 3 ชม. ผมนั่งทำงานอยู่ Office แล้วค่อยไปดีกว่า

เมื่อสงสัยเรา เราก็ต้องถาม ผมก็เลยโทรไปถามที่คณะ ซึ่งพอเจ้าหน้าที่รู้ลำดับผมก็บอกเลยว่า มาสัก 6 โมงน่ะล่ะคะ

จบไปหนึ่งเรื่อง

จากนั้นก็เลยพยายามหาว่าเค้าจะสัมภาษณ์อะไร พอหาใน internet ก็ไม่มีข้อมูลมากอย่างที่บอก เลยใช้การถามน้องที่เรียนอยู่ ก็ได้คำตอบมาตามที่เคยเก็งไว้ว่า คำถามก็เช่น

  • ทำไมถึงมาเรียน MBA 
  • เรียนแล้วคิดว่าจะได้อะไร เอาไปใช้อะไรในชีวิต
  • แบ่งเวลาเรียนกับการทำงานยังไง
  • ในองค์กรที่ทำงานอยู่สามารถเติบโตได้ถึงตำแหน่งไหน
  • ทำไมไม่เรียนสาขาอื่น ถ้าอายุงานถึงเรียน Exclusive- MBA ได้แบบผม
จริงๆคำถามพวกนี้ก็เป็นคำถามเบสิคล่ะครับ คิดแล้วก็เตรียมๆไว้ก่อนได้
วันสัมภาษณ์จริง
ผมออกจากที่ทำงานที่สีลมตอน 5 โมงเย็น ก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ 1 ชม. เพราะมีน้องมาทำให้กังวลนิดๆว่าจะไปไม่ทัน เพราะห้องสัมภาษณ์มี 2 ห้อง นั่นคือห้องนึงสัมภาษณ์แค่ 14 คน (ถึงผมจะเป้นคนที่ 13 ก็เถอะ) 
ใช้เวลา 30 นาทีก็ไปถึงทีสัมภาษณ์ ไปถึงก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารตัวจริงที่ต้องเอาไป (ทรานสคริป ใบคะแนนสอบ) พอตรวจเสร้จก็เซ็นต์ชื่อแล้วพบว่า พบมาเป้นคนเกือบสุดท้าย ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่คงมารอตั้งแต่บ่ายสี่ (น้องที่บริษัทผมที่สมัครเรียนรุ่นเดียวกัน ลางานทั้งวันเพื่อมารอสัมภาษณ์ (เพื่ออะไร?)) แต่ที่แย่คือ…
เค้าเพิ่งสัมภาษ์ไปถึงลำดับที่ 11 บัดซบมาก
ระหว่างนั้นก็ไปนั่งรอให้ห้องข้างๆห้องสัมภาษณ์ครับ ก็มีคนที่ยังไม่ไดสัมภาษณ์นั่งรอกันอยู่ทั้งหมดล่ะครับ แต่ละคนก็แต่งตัวกันสุภาพมาก ผู้ชายผูกไทด์ ผู้หญิงแต่งตัวอารมณ์ประมาณสาวแบงค์ 
แต่มีท่านนึงใส่สูทมาด้วย T_T เวอร์ไปป่ะเนี่ย
สัมภาษณ์จริงๆ

เดินเข้าไปก็เจอคนสัมภาษณ์สามคนนั่งรออยู่ครับ โต๊ะสัมภาษณ์ของกรรมการสามท่านเรียงกันเป็นรูปตัวยูคว่ำ โดยเราคนโดนสัมภาษณ์นุ่งอยู่ในร่องตัวยู

คนสัมภาษณ์ผม มี 3 คน ชายกลางคน 1 หญิงกลางคน 1 ชายหนุ่มหน้าตี๋ๆ อีก 1 คน แล้วก็เริ่ม…

  • อันแรกให้แนะนำตัวเอง ผมก็แนะนำไปว่า ทำงานมากี่ปี ที่ไหน อย่างไร ตอนนี้เป้น Group Manager เรียนจบวิศวะคอมฯจากไหน 
  • เริ่มถาม โดนถามว่า Group Manager ทำอะไร ก็ตอบไป
  • จากนั้นโดนถามว่า Performance ปัจจุบันเป้นยังไง ก็ตอบไปว่าอยู่ต้นๆ (โม้)
  • เลยโดนถามว่า ก็ดูดีอยู่แล้ว แล้วมาเรียน MBA ทำไม เพราะงานที่ทำอยู่ก็มีโกาสก้าวหน้าในสายอาชีพบริหารอยู่แล้ว
  • จากนั้นก็โดนถามว่า ไม่ได้เรียนมานานแล้ว แล้วจะเรียนได้เหรอ ประมาณว่าสมองไม่ฝ่อไปแล้วรึ (คำถามอันนี้ตลกๆนะครับ ผมคิดว่าเป็นคำถามจิตวิทยามากกว่า เพราะคนมาเรียน Exclusive มันก็ต้องทำงานมาเกิน 8 ปี อยู่แล้ว อย่างงี้ไม่ต้องถามทุกคนเหรอฟะ)
  • มาเรียน งานก็ต้องทำ เรียนก็มีกิจกรรมที่ต้องทำด้วยจะแบ่งเวลาได้เหรอ เพราะงานที่ทำอยู่ก็เป้นงานบริหารอยู่แล้ว ใช้เวลาเยอะ
ผมโดนคำถามแค่เท่านี้ครับ พอจบคำถามสุดท้าย กรรมการก็บอกว่า ให้ตั้งใจแบ่งเวลาเรียนดีๆล่ะกัน เพราะมันใช้เวลาของชีวิตพอสมควร

จริงๆเนื้อหาก็ไม่มีอะไรมากครับ การสัมภาษณ์ก็ควรเตรียมที่จะตอบไว้ก่อน ถึงเวลาก็ด้นเอา

หลักการสัมภาษณ์ก็เหมือนกันทุกที่คือ

“ตอบสิ่งที่เค้าอยากฟัง อย่าไปตอบสิ่งที่คุณอยากพูด”

และที่สำคัญ อย่าใส่สูทไปเลยครับ มันตลก ไม่ได้ไปขอทุนมาตั้งบริษัทนะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *