สวัสดีปี 2555 ครับ
ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้เขียน blog เลย เนื่องจากงานรัดรัวบ้าง เหนื่อยล้าบ้าง ไม่มีอารมณ์เขียนบ้าง ยุ่งบ้าง อะไรบ้าง ทำให้พอหยิบจับเขียนอะไรก็เขียนไม่จบ ค้างคาอยู่อย่างนั้น
ผ่านไปหลายเดือน หลังจากไปตกตระกอนมาหลายรอบก็พบว่า สาเหตุหนึ่งมันมาจากผมตั้งใจเขียนให้คนอื่นอ่านเกินไป จนหลงลืมไปว่า ที่ตั้งใจเขียน blog ในสมัยแรกนั้น เพราะอยากบันทึกอะไรเก็บไว้อ่านเอง ดังนั้นจะไปสนใจคนอื่นมากทำไม
เรียกว่าอยากเขียนอะไรก็ควรเขียน ภาษาจะมักง่ายก็มักง่ายไป จะเอาอะไรมาก หากประโยชน์จะเกิดกับคนอื่นบ้างก็ดีไป แต่หากไม่เกิดประโยชน์กับใคร ก็ถือว่าช่างมัน เพราะเขียนไว้อ่านเอง
เมื่อตกผลึกได้ดังนั้น ก็ตั้งใจตามเดิมว่า ปีนี้จะกลับมาเขียน blog ตามเดิมครับ ตะละลาาาาา
และเป็นธรรมเนียมของผมเองว่า พอจบปีก็ควรจะมีการสรุปเรื่องดี ดี เรื่อง ไม่ดี ไม่ดี ในปีที่ผ่านมาบ้าง เพื่อเป็นหลักไมล์ในการมองย้อนกลับมาในแต่ละมี ซึ่งปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องต่างๆผ่านมาดังนี้
มีหลาน
ครับ เพราะผมยังไม่แต่งงานเลยยังไม่มีลูก แต่น้องชายมันแต่งงานแล้ว และปีที่ผ่านมามันก็มีลูก และเนื่องจากปีที่แล้วน้องชายยังพักอยู่ที่บ้านเดียวกัน ก็เลยได้เห็นหลาน แล้วก็ได้สัมผัสการเลี้ยงเด็กออ่อนแบบริงไซด์ ตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว
ทำให้เข้าใจจริงๆว่า การเลี้ยงเด็ก เป็นอะไรที่ต้องอุทิศแรงกายแรงใจสูงมากกกกกกกก เผลออาจจะต้องอุทิศหลายอย่างในชีวิตด้วยซ้ำ (คุณแม่ผมต้องย้ายจากขอนแก่น มาอยู่กรุงเทพฯเพื่อช่วยน้องชายเลี้ยงหลาน)
แต่รอยยิ้มของเด็กเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยนะครับ ขนาดผมไม่ได้อยู่กับหลานมาก ยังคิดว่า เวลาเด็กยิ้มแล้วมันทำให้เรามีความสุขไปด้วยแฮะ ไม่แปลกใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงรักลูกมาก เพราะความผูกพันธ์มันหาอะไรเปรียบไม่ได้จริงๆ
จบงานที่มาเลย์
ผมถูกบริษัทส่งไปกู้โปรเจคที่มาเลย์อยู่เกือบสองปี จนงานเพิ่งมาจบจริงๆเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเป็นการจบงานที่ผลงานออกมาดี ลูกค้าโอเค ระบบขึ้นตรงเวลา บริษัทเก็บเงินได้ตามแผน ซึ่งการทำงานครั้งนี้ จะว่าสนุกก็สนุก จะว่าน่าเบื่อก็น่าเบื่อ แต่พอมันจบแล้วก็รู้สึกสมใจมาก เพราะงานมันยากแต่ทีมก็ยังสามารถทำงานออกมาได้ดี แถมการไปมาเลย์ก็ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาอะไรมาก และก็ได้ทำให้รู้ว่า คนไทยโลกแคบมาก เราแทบไม่รู้จักอะไรประเทศเพื่อนบ้านเลย แต่ประเทศเพื่อนบ้านรู้จักเราดี และการไม่รู้จักประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้คนไทยคิดว่าประเทศตัวเองเจ๋งที่สุด ทั้งๆที่ตอนนี้ สิงคโปร์ มาเลย์ อินโด มีสถานะในสายตาชาวโลกเหนือเราไปแล้ว และเวียดนามก็กำลังจะแซงเราไป กลายเป็นตอนนี้ไทยอยู่ระนาบเดียวกับ ฟิลิปปินส์ โดยมีลาว กัมพชาและพม่า หายใจรดต้นคือมาติดๆ
การไปมาเลย์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่า ไม่เกิน 10 ปี ประเทศไทยจะแข่งขันกับใครไม่ได้เลย และเรากำลังวิ่งชนปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ที่ใหญ่มาก โดยที่คนในประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้ยี่หระอะไรเลย
ติดแก้ส
ปีที่ผ่านมาผมเจอวิกฤติราคาน้ำมันอันแพงแบบไม่มีเหตุผล ผลจากการเอาเงินจากน้ำมันไปโปะอย่างอื่น พร้อมอ้างว่าถ้าน้ำมันถูก คนไทยมันจะไม่ประหยัด โดยรัฐบาลมีความคิดว่า กดราคาดีเซลไว้ให้ต่ำกว่า 30 บาท แล้วไปรีดเงินจากเบนซินเอา คนใช้เบนซินมีแต่รถเก๋ง มันจะบ่นอะไรมากคนก็ไม่ฟังหรอก เพราะสังคมไทยคิดว่าคนขับรถเก๋งรวย ห้ามบ่น
เมื่อเจอแบบนี้ผมเลยตัดสินใจติดแก้สซะเลย โดยเลือกติดแก้ส LPG ในราคาค่าติดตั้ง 35,000 บาท แบบถังโดนัท และมีอัตราการคืนทุนอยู่ที่ 17,000 กิโลเมตร (คือประหยัดไปกิโลละ 2 บาทโดยประมาณ)
คือหลังจากรถติดแก้ส ชีวิตผมมีความสุขจากอิสระจากราคาน้ำมันมาก จะไปไหน ไกลเท่าไหร่ก็๋เฉยๆ เพราะเติมแก้สเต็มถังก็ 450 บาท น้ำมันจะขึ้นจะลง ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องคอยตามข่าวราคาน้ำมัน ซึ่งคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก
วันนี้มีรัฐบาลจะขอปรับราคาแก้สขึ้นตามราคาตลาดโลก ผมก็ไม่สะเทือน เพราะราคาแก้สยังไงก็แค่ 50% ของราคาน้ำมัน ก็ยังรับได้หมด
อิสระเนี่ย มันดีจริงๆ
————————–
พอมองย้อนกลับไป ปีที่แล้วก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเยอะนะครับ แต่ทุกอย่างกินพลังงานเยอะมาก
หวังว่าปีใหม่ปีหน้าจะมีเรืองให้ได้บันทึกเยอะขึ้นนะ