วันนี้กลับมาจากทำงาน แล้วเจอจดหมายซองน้ำตาลวางอยู่ใน Mail Box
ที่อพาร์ทเมนต์ ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
พอเห็นหน้าซองว่ามาจาก “มูลนิธิศุภนิมิตร” ก็บางอ้อมาทันที
เพราะเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ผมส่งจดหมายไปแจ้งความประสงค์
ในการบริจาคเงินเพื่ออุปการะเด็กเป็นรายเดือน เดือนละ 450 บาท
ซึ่งถ้านับออกมาเป็นรายวันแล้วก็ตกวันละ 15 บาท
ซึ่งถ้าว่าจริงๆก็แทบไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนอะไรเลย
จริงๆผมรู้จักมูลนิธินี้ตั้งแต่เป็นเด็กประถม เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยนั้นหลายคน
ได้รับการดูแลจากมูลนิธิ ซึ่งสมัยนั้นผมจะอิจฉาเพื่อนๆกลุ่มนี้มาก เพราะได้รับอะไรๆแจกอยู่เรื่อยๆ
ตามประสาเด็กที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยไม่รู้เบื้องหลังว่าเป็นเพราะเพื่อนเค้าขาดทุนทรัพย์
เลยได้รับการดูแลจากมูลนิธิ
พอโตมา ทำงานหาเงินเองได้ ก็ได้รับเอกสารชักชวนให้ร่วมบริจาคอยู่เรื่อยๆ
แต่ความอยากทำบุญยังไม่สามารถชนะความตระหนี่ได้
จนมาช่วงปีนี้ที่เริ่มมาคิดว่า เออ… ถ้าคนได้เงินเดือนเท่านี้ยังไม่บริจาค
แล้วมูลนิธิเค้าจะได้เงินบริจาคเท่าไหร่วะเนี่ย มันคงน้อยชอบกล
เลยตัดสินใจเชาะเชะ บริจาคซะเลย
พอวันนี้แกะจดหมายที่ได้รับจากมูลนิธิแล้วเห็นจดหมายที่เด็กส่งมาให้
เป็นงานวาดเขียนลงในสมุดเหมือนที่ผมชอบแอบวาดสมัยเด็กๆ
มีรูปผีเสื้อ มีรูปดอกไม้ มีรูปบ้าน ซึ่งสำหรับเด็กป.1 แล้ว
มันดูน่ารักมากครับ แล้วก็มีจดหมายที่ตัวแทนมูลนิธิเขียนมาแทนตัวเด็ก
เนื่องจากว่าเด็กยังเขียนภาษาไทยไม่ได้ (เดาว่าน่าจะเป็นเด็กชาวเขาเนอะ)
พออ่านเจอบนหัวจดหมายเค้าเขียนว่า
“การให้มีความสุขมากกว่าการรับ”
เออ… วันนี้มันจริงแฮะ