BarCamp Bangkok 2009 (เพิ่ม Slide แล้วจ้า)


เมื่อวานไปจอยงาน BarCamp Bangkok #3 มาครับ
งานจัดที่ ม.ศรีปทุม บางเขน อยู่ใกล้ที่พักผมมาก ขับรถไป 5 นาทีก็ถึง

ใครไม่รู้ว่างาน BarCamp คืออะไร ก็ไปหาอ่านได้ที่เวบเค้าครับ
ผมเล่าให้ฟังอย่างย่อๆได้ว่า งานนี้มันเหมือนงานประชุมสัมมนาที่ไม่มีวิทยากร แต่เอาคนที่ไปงานนั่นล่ะเป็นวิทยากร โดยพอเราไปถึงงาน เราก็ไปลงทะเบียนเข้างาน ถ้าเรามีเรื่องจะพูด เราก็ไปบอกเค้า เค้าก็จะมีกระดาษมาให้เราเขียนชื่อเรื่องที่เราจะพูด แล้วก็เอาไปติดรวมกับของคนอื่น ถ้ามีใครอยากฟัง ก็เอาปากกามาขีดคะแนนโหวต เหมือนเวลาเค้านับคะแนนเลือกตั้งน่ะครับ

จะพูดเรื่องอะไรก็ได้ ทางงานเค้าก็จะเตรียมห้อง โปรเจคเตอร์ อาหารการกิน ของว่างให้
อันนี้ถ้าใครจะไปครั้งแรกก็ต้องคิดนิดนึง เพราะว่า..

งานนี้มันมีกฏง่ายๆว่า “ใครที่มา BarCamp ครั้งแรก ต้องพูด!!!
เหมือนกฏของ Fight Club อ่ะครับ

ถ้ามึงมาไฟท์คลับครั้งแรก มึงต้องสู้

(จริงๆ ไม่อยากป้องปากนินทาเลยว่า กฏของงาน มันก็มั่วนิ่มเอาของ Fight Club มาน่ะล่ะ)

ผมก็เอาวะ สู้ก็สู้ ก็คิดหัวข้อที่จะไปพูด แต่ดันไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ไปมั่วเอาลุ่น ลุ่น ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อที่ผมเตรียมไปพูดคือ

How to Fail the IT Job Interview for Dummies

โดยตั้งใจมากๆว่าอย่ามีใครมาโหวตเลยจะได้ไม่ต้องพูด
ซึ่งใน Session ช่วงเช้า ไม่มี Topic ผมในรายชื่อครับ
ก็เดินออกมาแบบงงๆเหมือนกัน
เพราะ Topic ที่ถูกเลือกไปพูด มีคนโหวต 5-6 คนก็มี
พอเดินไปดูของผมตอนนั้นมีคนโหวตไปแล้ว 27 คน!!!
ถึงจะตกใจว่ามีคนโหวตเยอะ แต่ก็งงๆไม่มีใน List

ถึงจะงงๆ แต่ก็แอบดีใจว่า ไม่ต้องพูดแล้วกู ฮ่าๆๆ

จากนั้นผมก็สนุกไปกับงานครับ
ได้ความรู้ ความสนุกมาตามสมควร

Session ที่ผมไปจอยมี

  • Twitter in Business : คนพูดตั้งใจดี แต่เนื้อหาค่อนข้างพื้นๆ ผมมีข้อแย้งในใจหลายข้อ แต่ก็ถือว่า ok ครับ
  • OO Inheritance is BAD: เป็น session soundtrack มาก ผมฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง จับใจความหลักๆได้ว่า ถ้าพูดถึง OO คนส่วนมากจะคิดถึงเรื่อง Inheritance ซึ่งมันไม่ใช่หลักของ OO เอง OO จริงๆ มันควรจะ เล็ก เป็นตัวแทนอะไรแค่อย่างเดียว คนพูดพยายามจะบอกว่า จริงๆแล้ว OO ควรจะเป็นเรื่องของ Polymorphism มากกว่า ก็ว่ากันไปครับ เพราะ 2 แนวคิดนี้มันก็เป็นศาสนาไปแล้ว ขนาดใน Session ฝรั่งมันก็เถียงกันใหญ่ ส่วนเอเชียหัวดำแบบข้าพเจ้า ก็นั่งฟัง + มึนไป
  • Comic of Dummies: พูดเรื่อง Comic ของอเมริกาครับ ว่ามีโครงสร้างยังไง ซึ่งสนุกดีและรู้สึกเลยว่า จักรวาลของ MARVEL และ DC Comic เนี่ยโคตรซับซ้อนเลยแฮะ ใครที่จะตามมาอ่านทีหลังเนี่ย จะรู้เรื่องทั้งหมดยังไงดีว่า อ้อ… คนพูดมีเวบชื่อ www.comic66.com ครับ ว่างๆ จะแวะเข้าไปดู

ข้างบนคือ Session ช่วงเช้าที่ไปจอย จากนั้นมาก็พักเที่ยงครับ ทางงานเค้าก็มีข้าวเที่ยงให้กินฟรี ฮ่าๆๆ ผมเลือกข้าวผัดกระเทียม + ไก่อะไรสักอย่าง ออกแนวญี่ปุ่นๆ ข้าวแข็งมาก ไก่น้อยกินไม่พอข้าว ถือว่าแจกฟรีพอกินได้ แต่ถ้าทำขายเนี่ย ซื้อกินเสียดายเงินแน่นอน

ระหว่างนั่งกินกับ plynoi และ iMon (ขออภัยถ้าเขียนไม่ถูก) ก็มี หมอ (ไม่รู้ชื่ออีก) และ @kengggg (เดาว่าเป็นอันนี้) มานั่งข้างๆและบอกว่าเค้าติด Topic ตอนบ่ายแล้ว ผมกับ Plynoi ก็เลยขึ้นไปดู

โอ้มายก็อด!!! ของตูได้พูดตอน 5 โมงเย็น มีคนโหวต 30 คน!!!
T_T จริงๆ 5 โมงเย็นอยากฟังของคนอื่นอ่ะ

พอเข้าช่วงบ่ายมี Session ที่ผมไปจอยตามนี้ครับ

  • Working Online While Traveling: เป็นเสียงในฟิล์มอีกแล้ว ฟังได้เรื่องพอสมควร แต่มัวแต่นั่งใจลอยถึง Session ตัวเองว่าจะพูดอะไรดีวะ (พวกเตรียมตัวมาน้อยก็แบบนี้) จบไปแบบมั่วๆ ได้อารมณ์ประมาณว่า จริงๆจะเที่ยวไปทำงานไปก็ได้ ขอให้ที่ที่เราไปมันมี Internet แล้วฝรั่งมันก็เถียงกันเรื่อง Work Permit เรื่องที่ว่า เมืองไทยไม่ได้มี WiFi HotSpot ทุกที่นะโว้ย อะไรราวๆนั้น
  • Popular Hacking Trick: คนพูดมาจากที่ไหนซักที่ซึ่งคงดังพอสมควร เพราะเห็นเค้าอ้างที่ที่เค้าทำงานอยู่เรื่อยๆ แต่ผมไม่รู้จักครับ!! ขออภัยที่โลกแคบ T_T เนื้อหาค่อนข้าง Overview มาก ไม่ค่อยได้อะไรเลย หลักๆคงเพราะว่า เวลาที่ให้มันน้อย ลงลึกมากไม่ได้ อีกอย่างคือ Presentation โบราณมาก ใช้ Theme เดียวกับ Template เอกสารของบริษัทผม ที่ใช้มา 7 ปีแล้วเลย รู้สึกเหมือนเป็นเรื่ิองธรรมดาของคนสาย Technician ที่จะ Present ไม่เก่ง
  • Microsoft แจกแผ่น Windows 7 RC: สาบานเถอะว่าเข้า session นี้เพราะอยากได้แผ่นอย่างเดียวเลย ฮ่าๆ session นี้นำเสนอโดย Product Manager ของ Microsoft ชื่อคุณสาวิตร ซึ่ง Present ได้ค่อนข้างธรรมดาตามประสา Microsoft แถมไอ้ลูกเล่นต่างๆที่เอามาให้ดูเนี่ย ทำผมประหลาดใจมากที่คนครึ่งห้องเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน
  • Freeware for Freelancer: คน Present ถามระหว่างที่กำลังเซ็ทเครื่องว่า มีใครไม่รู้จักเค้าบ้าง (บอกมาจากรายการแบไต๋ไฮเทค) ซึ่งผมเป็น 1 ใน 5-6 คนที่ยกมือ ทำเอาคนพูดเสียใจเล็กน้อย ฮ่าๆๆ ก็ตูไม่รู้จักจริงๆนี่หว่า จริงๆพวกที่เดินไปเดินมาในงาน ผมรู้จักแค่ mk กับ iMenn ครับ แต่เนื้อหาดีมาก นำเสนอสนุก ถึง Presentation จะดูธรรมดาๆ ผมได้โปรแกรมที่อยากโหลดมาลองใช้หลายอันเลย
  • Heart of Agile: เหมือน plynoi บอกคนพูดมาจากรอยเตอร์ ซึ่งผมเข้าฟังเพราะอยากฟังประสบการณ์ของบริษัทที่เอา Agile มาใช้ในการทำงานจริง ฟังๆไปได้ไอเดียดีๆหลายอย่าง พร้อมคำโดนๆเยอะ ที่ผมชอบสุดคือ “ถ้าจะมาทำเอกสารเยอะ เพื่อที่เวลาคนออก knowledge มันจะไม่ได้หายไป ไปหาทางทำให้คนไม่ออกดีกว่า เพราะเอกสารที่ทำไว้มันก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก เพราะถ้า SA มันมีเวลามาทำเอกสารให้อ่านรู้เรื่อง มันคงไม่ลาออกหรอก” แม่ง โดนนนน มากๆ

จากนั้นก็ออกไม่ได้เข้า Session ไหนครับ
เพราะมาเตรียมพูดของผมเอง
ซึ่ง session ผมมีคนมาฟังสัก 20 คนได้
ถือว่า ok ระหว่างพูดมีคนเดินออก 2-3 คน ฮ่าๆๆ
ก่อนจะพูดเนี่ย กังวลโคตรๆครับ
เพราะเตรียม Keynote มาแค่ 12 แผ่น
คิดไปเองว่า 12 แผ่น 30 นาที ถ้าพูดจบก่อนจะเอาตัวรอดยังไงดีวะ -_-“
สุดท้ายก็ผ่านไปได้ แถมเหมือนจะเวลาไม่พอซะอีก
ถือว่าพูดพอใช้ได้ แต่ไม่ค่อยพอใจครับ ถ้าเตรียมตัวดีๆน่าจะพูดได้ฮากว่านี้เยอะ

เดินออกมามีคนมาทักบอกว่า ฮาดี
แล้วมีคนมาถามว่า พี่มี Twitter ไหมจะ Follow
T_T บ้านนอกมาก เพราะบอกเค้าไปว่า ไม่มีครับ (จริงๆคือไม่เล่น)
มีเด็กที่เคยไปสอนที่ มอ. ภูเก็ตปีที่แล้ว 2-3 คนที่จำผมได้แล้วมาคุยด้วย
โอ้… ดีใจครับ ดีใจ ไว้ครั้งหน้าจะเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ครับ

จบวันด้วยการไปฟัง

  • Pair Programming: ไม่ค่อย Work เท่าไหร่ครับ ออกแนว Concept มาก ผมคุยกับคนพูดหลังจบ session เพื่อถามว่า เค้าผลักดัน Method นี้ให้ผ่านความเห็นชอบของ management ได้ยังไง เพราะทำแบบนี้ มันเกิดภาพว่า Cost ของ Project มันเพิ่ม 2 เท่า เพราะเอาคน 2 คน มานั่ง Code หน้าจอเดียว Function เดียว เค้าบอกว่าทางฝั่ง Management เป็นคนสั่งให้ทำ จบข่าว!!! (ทำไม management กู ไม่มีแบบนี้มั่งวะ)

สุดท้ายกินข้าวเย็นในงานอีกที อยากบอกว่า บัวลอยอร่อยมากๆๆๆๆ ขอบคุณ @kengggg ที่กระตุ้นว่า

“พี่ไม่กินบัวลอยเหรอครับ อร่อยมาก”

ปล. สมัคร twitter แล้วครับ @lawender ไว้จะลองเล่นดู
ปล2. แอบจิ๊กรูปของ plynoi มาใส่ 2 รูปครับ อยากดูรูปเยอะๆ ตามไปดูได้ที่นี่ครับ

9 thoughts on “BarCamp Bangkok 2009 (เพิ่ม Slide แล้วจ้า)

  1. กำลังหาที่ Share อยู่ครับ พอดีไม่เคย Share Slide เหมือนกัน T_T (บ้านนอกอีกแล้ว)

  2. สวัสดีอ่ะครับ พอดีได้มีโอกาสได้ ทำ PP และ agile กับชีวิตจริง..

    คนทั่วไปอาจจะมองว่า ทำไมต้องเอา โปรแกรมเมอร์ 2 คน มาทำงานชิ้นเดียว.. ทำไมต้องจ่ายเงิน โปรแกรมเมอร์ 2 คน มาทำงาน ที่โปรแกรมเมอร์คนเดียวก็ทำได้…

    ความจริงแล้วมันมีผลลัพธ์ลึกๆอยู่ในนั้นครับ

    ผมทำ แล้วสนุกมาก มีความสุข ได้พูดได้คุยกับเพื่อนร่วมทีมเยอะขึ้น รู้จักคนในทีมเยอะขึ้น สนิทกันมากขึ้น ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ได้แนวคิดเพิ่มเติมจากรุ่นใหญ่ และแชร์ประสบการณ์ต่างๆจากรุ่นใหญ่ ว่าโปรแกรมกันยังไง คิดโลจิกกันยังไง เยอะแยะเลยละครับ ได้โค้ดในทุกๆ part ของโปรแกรมของเรา(คือว่าโปรแกรมมันใหญ่มาก มีหลายพาร์ท..) ทำให้เราได้เป็นเจ้าของโค้ด และสามารถโค้ดแทนกันได้ทุกส่วน(Collective Code Ownership) และอีกอย่าง เวลาทำ PP แล้วรู้สึกว่าโค้ดดีขึ้นและมีสมาธิกว่าเดิมมากมาก และโค้ดตาม สแตนดาร์ดมากขึ้นด้วย(Naming convension) ทำงานตลอดเวลา ไม่มีเวลาฟังเพลงและไม่มีเวลาเซริฟเว๊บ, chat และ เช็คอีเมลล เพราะมีแพร์ที่เราต้องคอยเกรงใจอยู่ข้างกายตลอดเวลา แถมต้องทำ TDD ตลอดเวลา เพราะมีแพร์คอยเตือนว่า ต้องเขียนยูนิตเทสก่อนน๊ะ ถ้าเราทำคนเดียว เราคงปล่อยปะละเลย.. ผลลัพธ์ก็คือผลงานเราออกมาดีขึ้น บั๊กน้อยลง เวโรซิตี้ ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

    แพร์ควรจะสลับคู่ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ จับคู่กันตลอดเวลาด้วยนะ

    ปล. คนมีความสุข ผลงานก็ออกมาดีน๊ะครับ

    ด้วยความเคารพครับ

  3. ช่วยด้วยครับ pair ไม่ระบุชื่อ ของผมมันหนีมาอ่าน blog ครับ

  4. ผมไม่ได้ต่อต้าน Pair นะครับ แจ้งก่อน
    และอยากทำด้วย
    ส่วนข้อดีข้อเสียตาม Concept นั้น ผมทราบดีครับ

    ประเด็นที่ผมผิดหวังจาก session ในงานคือ ผมอยากทราบวิธีการ Implement ใช้ในองค์กร และการทำเสนอ + โน้มน้าวให้ผู้บริหารเห็นด้วยกับวิธีนี้

    ซึ่งคำถามของผมก็คือสิ่งที่ผู้บริหารถามคือ งานที่คน 1 คนก็ทำได้ทำไมต้องให้ 2 คนไปทำ และมีอะไรการันตีว่ามันจะได้ผลอย่างนั้นจริงๆ

    แปลง่ายๆว่า ถ้าจะทำให้ได้อย่างที่บอก ต้อง Implement ยังไง

    ถ้ารับคนเข้ามาใหม่ แล้วเค้าทำ Pair อยู่แล้ว มันง่ายที่คนใหม่จะปรับตัวครับ แต่ถ้าบอกคนเป็นร้อยที่ทำงานอยู่ตอนนี้ให้เปลี่ยนเป็น Pair นั้น จะทำขั้นตอนยังไง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *