ผมเป็นแฟนเชลซีครับ
เป็นมานานหลายปีดีดัก และชาตินี้คงไม่หาย
ปีนี้เชลซีเหมือนจะแรงตอนต้นฤดูกาล
แต่สุดท้ายก็เหี่ยวกลางซะงั้น
จริงๆไอ้การเหี่ยวกลาง ผมก็โทษนั่นโทษนี่ไปตามเรื่อง
ตามประสาแฟนบอลที่ผ่านโลกมามาก (เกี่ยวกันตรงไหน)
แต่แล้ววันนึง แฟนก็บอกว่า
“เค้าว่ามันแพ้เพราะตัวเองดู”
อ้าว… ยังงี้ก็ชิบหอยสิครับ
แต่มาสังเกตุดูก็เริ่มจะเชื่อลางๆแล้วครับ
นัดชิง ชปล. ปีที่แล้ว ที่พี่จอห์นลื่นล้ม ผมก็ดู
ปีนี้ ที่แพ้น่อล ผมก็นั่งดู ที่แพ้ลิเวอร์ ก็ดู
ที่แพ้แมนฯยูฯ ก็ดู แต่วันที่เสมอแมนฯยูฯไม่ได้ดู
เมื่อคืนกะว่า ชนะผ่านลิเวอร์สบายๆแน่
ผมเลยตื่นมาดูตอนตี 2 ทั้งที่จริงๆต้องตื่นตี 3
เพื่อขับรถจากขอนแก่นกลับมากรุงเทพฯ
ดูได้แป๊บเดียว
ลิเวอร์ยิง 1-0
อ้าว.. ชิบหอยแล้ว
แถมตอนนั้นโดนขึงเกมส์อยู่ฝ่ายเดียวเลย
กลั้นใจดูอีกหน่อย เสียจุดโทษ โดนไป 2-0
อารมณ์ตอนนั้นคือ เชี่ยแล้วครับ…
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ก่อนจะมีคำตอบให้ตัวเอง ผมตัดสินใจขึ้นบ้านนอน
ตีสาม ตื่นขึ้นมาใหม่ เพราะต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ
อย่างแรกที่ทำคือเปิดทีวีดู ก่อนไปอาบน้ำ
เห็นไอ้อเล็กซ์หัวเหม่ง ซูกำปั้นหลังจากยิงตีเสมอ 2-2
อ้าว… เฮละโว้ย…
ผมเริ่มคิดแล้วว่าคงไม่มีอะไรมาหยุดเราได้ ฮ่าๆๆ
เลยเข้าไปอาบน้ำ
พอเดินออกมา อ้าว…พี่แลมพ์ ยิงเป็น 3-2 ฮ่าๆๆๆ
อาถง อาถรรพ์ที่ไหน นี่ไงนำแล้วโว้ยยยย
แต่แล้ว…
อยู่ดีๆ ลูคัสมันก็ยิ่งแฉลบเข้า ไล่มาเป็น 3-3
เอาน่า ให้มันตีคืนหน่อย พอขำ
แต่แล้วอีก 2 นาทีต่อมา พีเค้าท์ก็ยิงมาเป็น 4-3
ห่า…ครับ ถ้าโดนอีกลูกม่างก็ตกรอบแล้ว
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ผมรีบวิ่งหนีขึ้นรถเพื่ออกจากบ้านมากรุงเทพฯทันที
ด้วยความหวังว่า..
ไม่ดูก็ได้วะ ขอให้เข้ารอบทีเถอะ
ตัดฉับมาตอน 8.10 บนถนนวิภาวดีรังสิต
พอฟังคุณกุ๊กบอกในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า
เชลซี 4-4 ลิเวอร์พูล
ผมคิดอย่างเดียวว่า
ที่โดน 4 ประตู
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ตกลงเพราะกูใช่ไหม
ปล. นัดหน้ากับบาร์ซ่า ตั้งใจแล้วครับว่าจะไม่ดู T_T