อาทิตย์ที่แล้วผมไปเที่ยวหลีเป๊ะมาครับ
หลีเป๊ะเป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา
เป็นที่เที่ยวที่เล็งไว้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ตอนที่เกาะนี้เพิ่งดัง
และคนที่ไปเที่ยวบอกว่ายัง pure อยู่มาก
กว่าจะได้ไปก็ 2 ปีล่วงเลย ความบริสุทธิ์คงไม่เท่าเมื่อสองปีที่แล้ว
แต่ถ้ายังใครไม่ได้ไป บอกได้เลยว่า รีบไปให้เร็วที่สุด
ผมไปเที่ยวแบบ ไปกันเอง ไม่ง้อทัวร์ ดังนั้นคงเล่าลง detail เรื่องรายละเอียดการเที่ยว พร้อมราคาให้ก็แล้วกันครับ เผื่อมีใครอยากไปเองมั่ง
เข้าเรื่องเลยละกัน เดี๋ยวมันยาวววววว …
(ภาพทุกภาพใน entry นี้ ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ หรือคัดลอกหรืออ้างอิงใดๆทั้งสิ้นจนกว่าจะได้รับการยินยอมจากผมนะครับ)
– วันแรก –
ด้วยสายการบินของคนหน้าเหลี่ยม ในราคาโปร 0 บาทที่จองไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว
รวมภาษี รวมค่าธรรมเนียมน้ำมันแล้วก็ตกราคาที่ 1,7xx บาท ไป-กลับ
การเดินทางไปสุวรรณภูมินั้น จะให้ง่ายก็สามารถทำได้โดยนัง MRT มาลงที่สถานีพระราม 9 จากนั้นนั่งแทกซี่จากที่สถานีไปที่สนามบิน
ซึ่งถ้าเจอรถติดตรงแถวโรงจอดรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ให้ขึ้น toll-way ตรงนั้นเลยครับ
ที่สุวรรณภูมินั้นของกินจะแพงโคตรๆ แถมไม่อร่อย แต่โชคดีที่ตอนนี้มีร้านขายข้าวกล่อง กล่องละ 35 บาทมาขายแก่ชาวไทยที่อยากกินข้าวเย็นก่อนขึ้นเครื่อง รสชาติ OK ราคามิตรภาพ สมัยก่อน ถ้าเป็นที่ดอนเมือง ให้เดินจากทางเชื่อมระหว่างในประเทศ มา ระหว่างประเทศจะมีร้านเหมือนโรงอาหารที่เจ้าหน้าที่สนามบินมากินข้าวกัน อารมณ์เหมือนโรงอาหารในมหาวิทยาลัย ราคาถูก รสชาติอร่อยเหมือนกัน เวลาไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองทีไร ผมก็เดินไปกินข้าวที่นั่นประจำ
หลังจากเครื่องออกตอน 19.10
สนนราคา 320 บาท นั่งได้สามคน แต่ถ้ามา 4 คนแบบเรา ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 80 บาท รวมเป็น สี่ร้อยบาท
หลังจากนั้น เราก็นั่งแทกซี่เอาเสื้อผ้ามาฝากที่ห้องของน้องตุ๊ที่เคยทำงานด้วยกันที่บริษัท
โชคดี แต่เตี้ยม เป็นร้านเหมือนโชคดีติ่มซำ แต่รสชาติต่างกันแบบฟ้ากับเหว
คนแถวนั้นป้องปากนินทากันว่า เจ้าของร้านโชคดีติ่มซำ มาเที่ยวหาดใหญ่
เลยแวะมากินติ่มซำที่นี่แล้วติดใจ เลยลอกเลียนสไตล์ร้านไปเปิดที่กรุงเทพ
เพราะร้านนี้
“ไม่มีสาขาที่กรุงเทพ”
บ๊ะกุ๊ดแต๋ + จับเลี้ยงบรรจุขวด ที่อร่อยมากกกกก
ติ่มซำ อร่อยมาก คนละตีนกับที่กรุงเทพ ถูกกว่าด้วย
หลังจากทานเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินต่อ ไปกินซาลาเปาทอดที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่
ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มงงๆแล้วว่า นี่มาเที่ยวทะเลหรือมาตามรอยนักกินกันแน่ฟะ
เดินหลงไปหลงมา สุดท้ายเราก็มาเจอร้านซาลาเปาทอดจนได้
สาเหตุที่กว่าจะหาเจอ เพราะน้องๆที่เป็นคนนำทางบอกว่า เคยแต่นั่งมอเตอร์ไซต์มา
ไม่เคยเดินมาสักที ส่วนตอนแรกที่มาร้านติ่มซำนั้น เรานั่งรถเหมือนรถแดงที่เชียงใหม่มากัน
เลยมาถึงแบบง่ายๆ ฮ่าๆ
ซาลาเปาทอด หน้าตาแบบนี้ อร่อยดีมาก ถ้าใครคุ้นๆจะรู้ว่า ไอ้ซาลาเปาทอดแบบนี้
ก็มีขายที่ร้านโชคดี ติ่มซำ ที่กรุงเทพฯ (ตกลงพี่จะลอกมาทุกอย่างเลยใช่ไหมครับ)
หลังจากกินติ่มซำเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาที่พักซึ่งอยู่หลัง มอ. หาดใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่า “ร้อยแปด” (ส่วนว่าทำไมเรียกอย่างนี้ อันนี้ผมก็ไม่รู้ครับ ไม่ได้ถามมา)
ก่อนเข้าที่พัก สาวๆเขาก็ซื้อผลไม้ตุนหน่อย ส่วนผมก็ถ่ายรูปนั่นนี่ไปตามประสา
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอนครับ ตัวผมเองก็แยกไปนอนกับน้องอีกคนที่พักอยู่หอที่ห่างกันออกไปไม่ไกล
behind the scene
นี่เป็นการมาหาดใหญ่เป็นครั้งที่สองของผม หลังจากครั้งแรกที่มาสมัยเรียนอยู่ปีสองจะขึ้นปีสาม ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่ตอนนั้นนั่งรถแบบ Road Trip กับเพื่อนๆ จากขอนแก่นมาเที่ยวทางใต้จนถึงบาดังเบซาร์
แต่มาคราวนี้เจอคนหน้าตาดีอยู่เรื่อยๆ หรือเป็นเพราะมาแถวมหาลัยก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
ณ ร้านติ่มซำ ตอนเกือบๆสี่ทุ่ม
ผม: “ร้านเปิดดึกจังเนาะ ดูเงียบๆ.. ดึกแบบนี้มีคนมากินด้วยเหรอ”
น้อง: “คนที่นี่ไม่ค่อยออกมาตอนดึกๆกันแล้วครับพี่”
ผม: “อ้าว… แสดงว่า แต่ก่อนก็คนคึกคักลยสิ”
น้อง: “ครับ แต่ตั้งแต่มี บูม บูม กัน คนเค้าก็ไม่กล้าออกมากลางคืนกันแล้วครับ”
ผม: “อะไรเหรอ บูม บูม”
น้อง: “ก็โจรใต้วางระเบิดไงพี่…”
T_T ขอบใจมากที่เสี่ยงตายพามากิน ตกลงนี่กูนั่งล่อระเบิดอยู่ใช่ไหมเนี่ย