เคยมีใครหลายคนบอกว่า
“คนเรายิ่งมีเงินเท่าไหร่ ความอดทนยิ่งต่ำลงเท่านั้น”
ไม่ต้องมองอื่นไกล เอาแต่ตัวเราเอง แม้ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็เริ่มมีความอดทนน้อยลงไปบ้างตามเวลา
แล้วจะประสาอะไรกับเสี่ยหมี ที่ออกอาการทนรอไม่ไหวไล่ “บิ๊กฟิล” ออก ตั้งแต่ไก่โห่มาได้แค่กลางเพลง
บิ๊กฟิลนับเป็นโค้ชคนที่สามในรอบสองปีที่เชลซีไล่ออก สาเหตุเพราะเล่นสวย แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทีมลงมาอยู่อันดับ 4 อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับทีมอย่างเชลซี
ไม่แปลกใจอะไรนักที่เสี้ยหมีจะรับไม่ได้กลับอาการถอยหลังของทีม เพราะตั้งแต่สมัยเชลซีมีมูรินโย่คุมทีม
ทีมนี้ทั้งทีมหายใจเข้าออกมีแต่ความสำเร็จ แต่เป็นความสำเร็จที่เสี่ยหมีถีบมันทิ้งลงคลองเอง เพราะอยากให้ทีมเล่นสวยงาม
มากกว่าเกมส์ที่เน้นผลการแข่งขันแบบที่มูรินโญ่ทำ
แต่หากกลับมามองที่บิ๊กฟิลอย่างเป็นธรรม ต้องบอกว่าหลังจากยุคมูรินโญ่ที่ทีมมีเงินให้ผลาญอย่างบ้าเลือด เชลซีกลายเป็นทีมที่จ่ายเงินน้อยมากในแต่ละฤดูกาล สวนทางกลับอายุเฉลี่ยของทีมที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจริงๆแล้ว หากคุณอยากรักษาระดับความสำเร็จไว้เรื่อยๆ เชลซีต้องยอมจ่ายเงินอย่างน้อยปีละ 50 ล้านปอนด์เพื่อบำรุงทีม หาเลือดใหม่เข้ามาแล้วถ่ายเลือดใหม่ออกไป
เหมือนอย่างที่แมนยูจ่ายเงินซื้อนักเตะอยู่เรื่อยๆทุกปีและเยอะเสียด้วย
นานี่ + แอนเดอร์สัน –> 35 ล้าน
เบอร์บาตอฟ –> 30 ล้าน
เตเบซ –> 10 ล้าน (ยืมตัว)
ฮาร์กริฟ –> 19 ล้าน
แต่เชลซีเลือกที่จะรัดเข็มขัด แต่ต้องการความสำเร็จ บนนักเตะที่เรียกว่าน่าจะผ่านความท้าทายในอาชีพกันเกือบหมดทีมแล้ว
ถามว่าในทีมตอนนี้มีใครบ้างที่พอจะเล่นได้ดีบ้าง
ปีเตอร์ เชค
จอห์น เทอรรี่
โบซิงวา
มิเกล
เอสเซียง
ที่เหลือมันหมดแล้วจริงๆครับ ผมเห็นเชลซีมีนักเตะที่พอใช้งานได้เท้านี้เอง
อย่าไปหวังอะไรจาก บัลลัค ดรอกบา แลมพ์พารด คาวัญโญ่ โคล (ทั้งสองตัว) มาลูด้า หรือแม้แต่อเนลก้า
ผมว่าทั้งหมดที่เอ่ยนามมา มันเล่นแบบหมดไฟแล้วอย่างสิ้นเชิง และเชลซีควรจะขายเอาเงินมาได้แล้ว อย่างน้อยได้กลับมาสัก 50 ล้านก็ยังดี
นี่ได้ข่าวว่ากุส ฮิสดิ้งจะมาคุมทีม
หลังว่าด้วยความที่สนิทกับเสี่ยหมี จะทำให้ฮิสดิ้ง เบิกเงินมาเสริมทีมได้คล่องบ้างนะ