Motivation

แต่ก่อนผมเคยลอยอยู่ท่ามกลางความเคว้งคว้างว่า เออ..นะ ไอ้แรงจูงใจของคนเราเนี่ย บทมันอยากมีมันก็มี บทมันอยากหายมันก็หาย พอเราจะเอามันกลับมา มันก็เอากลับมายากเย็นเหมือนกัน และจะเริ่มจากตรงไหน

พอเทอมแรกของ MBA วิชาที่ผมเรียนแล้วชอบมาก (แต่มันไม่ได้สนุกมากนะครับ แต่เนื้อหาเนี่ย มันโคตรมีประโยชน์กับชีวิตเลย) คือพฤติกรรมองค์กร หรือ Organization Behavior อาจารย์เค้าก็สอนเรื่อง Motivation ด้วย แต่สรุปมันออกมาเป็นสมการคณิตศาสตร์ที่เรียบง่ายมาก เรียกว่าเรียบง่ายมาก เข้าใจง่ายมาก จนผมจำขึ้นใจ

Motivation = E x I x V หรือสรุปตามรูปง่ายครับ

 คือ คนเราจะมีแรงจูงใจในการทำอะไรเมื่อ

  • Expectancy: มันเป็นสิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้ มีศักยภาพทำให้สำเร็จได้ ดังนั้นถ้างานมันยากไป โหดไป ทำยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ เราก็จะหมดไฟที่จะทำ เพราะไม่รู้จะทำไปทำไมให้เหนื่อยปล่าว
  • Instrumentality: แล้วไอ้งานที่เราทำสำเร็จ ผลงานออกมาดีนั้น มันถูกรับรู้หรือปล่าว หรือมีใครเห็นค่าหรือปล่าว ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมาไหม ไอ้ประเภทถึงทำดีเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนเห็น ไม่ได้มีผลลัพท์อะไร คนเราก็จะท้อแท้ใจที่จะทำ ซึ่งการรับรู้ผลลัพธ์นี้ มาได้ทั้งจากคนภายนอก และตัวเราเองครับ คือบางทีคนภายนอกอาจจะไม่รับรู้ แต่เราเองรับรู้และพอใจ มันก็ถือว่าโอเค
  • Valence: สุดท้ายคือ แล้วผลตอบแทน หรือรางวัลที่ได้ มันเป็นสิ่งที่เราอยากได้ในขณะนั้นหรือปล่าว อันนี้จะเห็นภาพง่ายมากๆคือ เวลามีการแข่งขัน หรือชิงโชคอะไรต่างๆ เราจะตัดสินว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ โดยดูจากของรางวัลนี่ล่ะ ถ้าของรางวัลมันเป็นสิ่งที่เราอยากได้ เราก็จะมีแรงจูงใจให้เล่น
ทฤษฎีนี้เอาไปใช้อธิบายอะไรได้ร้อยแปด และได้ใช้ประโยชน์กับชีวิตมากมายในการเข้าใจตัวเอง และเข้าใจคนอื่น
ออกจะวิชาการมากๆ แต่ก็คิดว่า รู้ไว้ไม่เสียหาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *