เมื่อกลางปีที่แล้ว ผมมีเรื่องกระทบกระทั่งทางความรู้สึกกับเพื่อนพ้องหลายคนผ่านทาง facebook ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปีที่แล้ว
การกระทบกรทั่งกันนั้นมันเริ่มมาจาก การที่ผมต้องทนอ่านความเห็นจากผองเพื่อนหลายคนที่รังเกียจการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ด้วยความที่ทนไม่ได้ที่จะได้อ่านข้อความที่มีคำว่า
“ควาย” “ตายซะได้ก็ดี” “เลือดพวกมึง” “ไอ้พวกหนักแผ่นดิน”
ผมจึงตัดสินใจลบหลายคนออกไปจาก facebook (ซึ่งผมเองถือว่าปกติ แต่บางคนก็บอกว่าไม่ปกติ และเลิกคบผมไปเลย)
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายมันสร่างซาลง ผมก็ไล่ add ทุกคนกลับเข้ามาใน facebook ใหม่
บางคนก็รับกลับ บางคนก็ไม่รับกลับ บางคนไม่รับกลับแถมหมางเมินกันไปเลย (ฮ่าๆ)
จากครั้งนั้นล่ะที่ทำให้ผมได้รู้จักคำว่า “สลิ่ม” และเข้าใจว่าสลิ่มคืออะไร และในวันนี้ คำว่าสลิ่มดังก้องในสังคมไทยอีกครั้ง
พวกเค้ากลับมาหลังจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมของรัฐบาล “ปูจ๋า”
แน่นอนว่า สลิ่มเฮฮาปาจิงโกะมาก เพราะคนที่โดนระบุว่าเป็นสลิ่มนั้น
“ไม่ชอบประชาธิปัตย์ก็ต้องเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทักษิน”
ดังนั้นการล้มหัวคะมำของรัฐบาลปูจ๋า ย่อมเป็นที่ถูกจริตของสลิ่มไทยเป็นอันมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่า
นั่นไงล่ะ ตัวเลือกของพวกควายแดง สุดท้ายก็โง่ทำอะไรไม่ได้
คนโง่ ย่อม ได้ผู้นำโง่ๆ มาปกครอง
สลิ่มเชื่ออย่างนั้น
ผมไม่วิพากษ์ว่าสลิ่มคิดผิดหรือคิดถูก
เพราะรัฐบาล มาแล้วก็ไป ทำดีบ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ ถ้าทำดีเค้าก็เลือกให้ทำงานต่อ ถ้าทำไม่ดีครั้งหน้าคนก็ไม่เลือกเค้าอีก ตามกติกาประชาธิปไตย มันก็แค่นั้น
แต่ก่อนจะชี้หน้าว่าใครว่าเป็นสลิ่ม ผมก็ต้องกลับมาถามตัวเองเหมือนกันว่า แล้วมึงเองล่ะ เป็นสลิ่มไหม
เอาสิ ถามแบบนี้ก็ตอบยากแฮะ เพราะเอาเข้าจริง ก็ไม่มีนิยามออกมาแบบชัดๆเท่าไหร่ ว่าสลิ่มคืออะไร
ถ้ายึดนิยมตาม @phz บอก อาจจะพอเอามาประเมินตัวเองได้ว่า ผมเป้นสลิ่มหรือไม่
เพราะอย่าลืมนะครับ สลิ่มคือหลากสี ดังนั้นสีอะไรก็เป็นสลิ่มได้
นิยามสลิ่มตามที่คุณ @phz บอกไว้คือ
1. โทษนักการเมืองเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งปวงในประเทศไทย
แฮ่ๆ อันนี้ไม่มีปัญหา เพราะผมไม่คิดว่านักการเมืองเป็นปัญหาของประเทศไทย แต่ผมคิดว่าคนไทยต่างหากที่เป็นปัญหาของประเทศไทย ดังที่เคยพูดหลายครั้งว่า “นักการเมืองไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ใผ่ ประชาชนแบบไหน ก็ได้นักการเมืองแบบนั้น” คนไทยเป็นคนที่ยังด้อยพัฒนาครับ เพราะเราเป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือประเทศทำอะไรก็ไม่เจริญ เพราะถ้าทำอะไรแล้วเจริญ เราคงเปลี่ยนจากประเทศกำลังพัฒนา มาเป็นประเทศพัฒนามาตั้งนานแฃ้ว ไม่ใช่เมื่อ 20 ปีที่แล้วหนังสือเรียนก็สอนว่าประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ผ่านมาจนตอนนี้ก็ยังพัฒนาอยู่ แบบนี้เค้าเรียกประเทศพัฒนาไม่ได้แล้วครับ ฮ่าๆๆ
2. สลิ่ม เชื่อข่าวลือความลวง ถ้ามันเป็นข่าวที่ถูกรากจริตของตัวเอง
อันนี้เริ่มพอจะเข้าเค้า เพราะคนเราส่วนมากมักเอาตัวเราเองเป็นใหญ่ และเชื่อตัวเองก่อน ก็ไอ้ที่เค้าเรียกว่าอัตตาน่ะล่ะ ผมก็เป็นคนนึงที่พอจะพูดได้ว่า มีอัตตาใหญ่โต เชื่อในความคิดตัวเองพอสมควร แต่ แต่ แต่ ผมเองก็รู้ตัวดีว่า วิถีนี้มันจะพาไปสู่ความเสื่อม ดังนั้นผมเองจะพยายามสร้างกลไกทางความคิดตัวเองว่า เวลาฟังอะไรมา จะคิด 2 ด้านเสมอ คือคิดในฝั่งคนนอก กับคิดในฝั่งคนใน แยกความชอบออกจากเหตุผล ซึ่งก็จะได้ผลอยู่บ้าง เอาว่าถ้ามองข้อนี้ผมก็หมิ่นเหม่เหมือนกัน แต่ยังคิดว่าตัวเองเอาตัวรอดได้ล่ะนะ (ฮา)
3. สลิ่ม อ่านประวัติศาสตร์ด้านเดียวที่รัฐเขียนขึ้นมา
อันนี้ชัดเจนครับ ผมไม่เชื่อข้อมูลด้านเดียว ยิ่งมาจากกลุ่มปกครองแล้ว ต้องพยายามหาก่อนว่ามันมี hidden agenda อะไรไหม
หลังจากคิดตาม 3 ข้อแล้ว การเป็นสลิ่มตามนิยามนี้ ผมคงไม่ใช่….
เฮ้อ ดีใจจัง