หนังเรื่องนี้ ผมขอเรียกสั้นๆว่า นเรศวรฯ 3 ล่ะกันครับ
นเรศวรฯ series เป็นหนังที่ผมชอบดูเรื่องนึง เพราะผมรู้สึกเองว่า ท่านมุ้ยท่านทำหนังพอดูรู้เรื่องและมีความสนุกบ้าง (ตามจริตผม) แต่พอดีตอนที่หนังเรื่องนี้มันเข้าฉาย เป็นตอนที่ผมทำงานอยู่ต่างประเทศพอดี เลยไม่ได้ดูตั้งแต่แรก และพอกลับเมืองเมืองไทยหนังก็ยังฉายอยู่ ตอนนั้นก็ตั้งใจไปดูนะ
แต่รับไม่ได้อย่างแรงเมื่อทราบว่าหนังขึ้นราคาค่าตั๋ว ด้วยเหตุผลเสียสติว่า เพราะใช้งบในการสร้างสูงหากฉายราคาปกติจะไม่คุ้มทุน
ครับที่ผมรับไม่ได้ เพราะหนังเรื่องนี้ ใช้งบจากโครงการไทย(ใคร)เข็มแข็งไป 200 ล้านบาท ซึ่งติ๊งต่างง่ายๆว่า มันคือเงินภาษีของเราประชาชนทั้งหลาย และเมื่อหนังออกฉายแล้วอ้างเหตุผลเรื่องต้นทุนการสร้างเพื่อขึ้นราคาตั๋ว ผมเลยรับไม่ได้อย่างแรง และประกาศตั้งแต่วันนั้นว่า ผมจะโหลดบิทดูด้วยความสบายใจ
และผ่านมา 3 เดือน ผมก็ได้ทำอย่างที่ตั้งใจคือ โหลดบิทมาดู
หลังจากดูแล้ว ผมก็คิดเหมือนเดิมว่า ท่านมุ้ยพอทำหนังดูได้ตามจริตผม แต่ดูเนื้องานมันแย่ลง เพราะมันเห็นหนังที่อะไรก็ไม่รู้
ประดักประเดิด ยืดเย้อ ฟุ่มเฟือย
ประดักประเดิด คือ… อยู่ดีๆก็เพิ่มตัวละครเข้ามา แล้วก็เข้ามาทำไมก็ไม่รู้ (อาจจะได้ใช้ในภาคสี่ก็ได้อ่ะ พยายามคิดยังงั้น)
เยิ่นเย้อ คือ… หนังสามาถตัดให้เหลือ 1 ชม.ได้ โดยไม่เสียใจความแต่อย่างใด เช่นตัดฉากอิจฉากันของนางในวัง ตัดฉากแสนซนของจั๊กจั่นและนุ่นออกไป ตัดฉากไล่นางในวังออกไปแจกข้าว เยอะแยะ
ฟุ่มเฟือย คือ… ตัดฉากอลังการงานสร้างออกไปบ้างเถอะ ไม่ต้องใส่ความละเอียดในทุกอย่างให้มันเปลืองเงิน ฉากตีเมืองเล็กๆ ไม่ต้องใส่รายละเอียดงานภาพมาขนาดนั้นให้มันเสียเงิน แล้วก็ไอ้เรือสำเภาจีนราคา 80 ล้านบาท พูดตรงๆเถอะครับ มันสามารถสร้างให้ได้ภาพเหมือนกันเด๊ะๆ โดยไม่ต้อง ทำเรือจริงก็ได้ จะสร้างเรือจริงวิ่งลงน้ำให้เสียเงินทิ้งทำไม (สงสัยเพราะไม่ใช่เงินตัวเอง)
หนังก็พอดูสนุกนะครับ แต่เสียดายเงิน 200 ล้านบาทครับ จริงๆทำให้หนังเหลือแค่ 3 ภาคตามเดิม แล้วก็
เงิน 200 ล้านบาท สามารถส่งเด็ก 200 คนให้เรียนจนจบปริญญาตรีได้ เสียดายครับ เสียดาย