อาทิตย์ที่แล้ว Microsoft ปล่อย Beta Update ของ Windows Phone 7.5 หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า Mango ออกมาให้เหล่า Developer ได้ทดลองเล่นกันก่อนครับ ซึ่งแน่นอนว่า มันก็จะหลุดมาหาชาวบ้านชาวช่องทั่วไปที่สนใจอยากทดลองกินมะม่วง “ห่าม” กัน
อธิบาย: ห่าม เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่ากึ่งสุกกึ่งดิบ ถ้าเป็นมะม่วง “ห่าม” ก็คือ เปลือกมันเริ่มจะเปลียนสีจากเขียวเป็นเหลืองแล้ว เนื้อในก็เริ่มจะเป็นสีเหลืองแล้ว แต่เนื้อยังแข็งและรสชาติยังเปรี้ยวอยู่
แน่นอนว่าผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากรู้อยากเห็นว่า ไอ้ที่ทุกสำนักรีวิวพูดกันว่ามะม่วง “ห่าม” ลูกนี้ มันดีมากๆ อย่าง Engadget ถึงบอกว่าระดับ Miracle of Miracle หรือ “ปาฏิหารย์ของปาฏิหารย์” นั้น มันดีขนาดไหน เลยดั้นด้นโหลดทุกอย่างมาลองกับเค้าด้วย แม้ว่า MS จะบอกว่า การลองกิน Mango ครั้งนี้จะมีต้นทุนแฝงคือผมอาจจะต้องแฟลชเครื่องใหม่ ถ้ามันไม่รอดก็ได้
และหลังจากใช้งานมาได้ 24 ชม. ผมมีความเห็นสรุปเป็นส่วนๆดังนี้ครับ
Home Screen + Start Screen
สิ่งแรกที่เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนในหน้าจอหลักของ Mango คือ หน้า Home มาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น
- Live Tile ของ Me จะมี Notification ของ Facebook บอกด้วยซึ่งแต่ก่อนมันจะโชว์แค่ Status ของเรา
- People ดูวิ้งๆขึ้น
- Picture Tile แสดงรูปเป็น Slide Show
- X-Box Game เปลี่ยน iCon ไป
- มีปุ่ม Search มาด้านข้างของ Start Screen และสามารถค้นหา App จากการพิมพ์ชื่อได้
- มี Index ให้เข้าถึง App ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้หน้า Lock Screen ก็มีปุ่ม Music Control เพิ่มเข้ามาทำให้ใช้งานสะดวกมาขึ้นครับ และมีการเปลี่ยนแถบ Volume จากที่แสดงสเกลบอกระดับเสียงมาเป้นตัวเลข xx/30 เลย ก็ดูง่ายดี
สรุป: สำหรับ Home + Start Screen ผมคิดว่าค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ขาดแค่ปรับ Tile ให้เป็นแบบโปร่งใส (Transparent) ได้ และสามารถใส่ Wallpaper ได้ ก็น่าจะสมบูรณ์แล้วครับ ซึ่งฟีเจอร์นี้ ผมคิดว่ามันจะมากับ WP8 แต่อีกสิ่งที่ผมคิดว่า MS น่าจะต้องใส่เข้าไปเพื่อปรับปรุง Usability คือการปรับระบบ Notification ให้มีหน้าจอรวม Notification แบบที่ iOS มี (ผมไม่รู้ว่า Android มีไหม) เพราะในอนาคตที่ App อื่นสามารถรันแบบ Background ได้ จะทำให้ Notification แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้มีปัญหาแน่นอน
People + Me
เนื่องจาก MS ออกแบบให้ WP7 มีแนวคิดการทำงานแบบที่เอา “คน” เป็นศูนย์กลางของระบบ ไม่ได้มองว่า App เป็นศูนย์กลางเหมือน iOS ที่เปิดเข้า Home จะเจอ icon App เรียงกันให้เยอะที่สุด แต่ WP7 มองว่าโทรศัพท์มันคือเครื่องมือสื่อสารและติดต่อ ดังนั้นสิ่งที่ MS ออกแบบจึงมองในมุมว่า “คนใช้” อยาก “รู้” อยาก “ทำ” อะไรกับเครื่อข่ายเพื่อนๆมากกว่า ดังนั้นคนที่รายรอบเราจึงถูกมองเป็น “People” มากกว่า Contact ซึ่งการปรับปรุงของ Mango ยิ่งตอบโจทย์ตรงนี้ของ MS มากขึ้น เพราะจากเดิมที่เราสามารถทำได้แค่ดู Status บน Facebook ของเพื่อนทั้งหมดของเรา (เหมือนเข้า Facebook ไปแล้วเห็น Wall Status น่ะละครับ) คราวนี้ยังมีการปรับปรุงเรื่อง
- History: บอกว่ามีการติดต่ออะไรกับคนนี้บ้าง แม้แต่การ “เม้น” หรือ “เมล์” ก็มีบันทึกไว้
- Picture: มาการแยก Picture ของคนคนนั้นออกมาต่างหาก ทำให้เราสามารถสอดรู้ ดูรูปได้ทันที ซึ่งบอกว่าอันนี้เทพมาก (จากเดิมก็ทำได้นะครับ แต่ไม่ได้แยกแบบให้ดูเป็นคนๆแบบนี้)
- Me: Notification: อันนี้จะเหมือน Notification ของ Facebook เลย คือมีการบอกว่ามีใครทำอะไรกับเราบ้าง และสามารถจิ้มเข้าไปดูได้ทันที เหมือน Facebook เด๊ะๆ
- Group: อันนี้เป้นความสามารถใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือให้เราจัดกลุ่มของคนได้ และสามารถติดตาม Status ของกลุ่มที่เราจัดได้ง่ายดายขึ้น อย่างตอนนี้ผมมี Family Group ขึ้นมา ทำให้ผมสามารถดู Status หรือรูปที่ Upload ของคนในครอบครัวได้ทันนี้ นอกจากนี้ไอ้รูปทั้งหลายเนี่ย มันยังรวมถึงรูปที่เราโดน Tag ด้วย ซึ่งถ้าบางคนจัดกลุ่ม “สาวตึง” ไว้ล่ะก็ จะสามารถตามดูรูปสาวตึงทั้งหลายจาก Facebook ได้ในเวลาอันรวดเร็วสุดๆ (Killer Feature สำหรับขาหื่นทั้งหลาย ฮา)
- Chat: ด้วยความสามารถใหม่ทำให้การคุยของเราจากเดิมที่ใช้ SMS จะสามารถคุยด้วย MSN หรือ Facebook Chat ได้ทันที ซึ่งไอ้ Feature นี้ล่ะ ทำให้ผมคิดว่า MS น่าจะไม่ง้อ WhatsApp และอาจจะปิดตาย BBM ได้ด้วยซ้ำถ้ามันสามารถเปลี่ยนไปใช้ Mail Service ในการส่งข้อความสั้นๆ หรือยิงผ่าน MSN ได้
ส่วน Twitter ยังไม่เสร็จนะครับ เลยไม่ได้ลอง
สรุป: ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องลง Facebook และ Twitter App ครับ ทำให้พวก App เหล่านี้ต้องพยายามหาจุดขายให้ได้ว่าทำไมต้องลง App เพิ่มเพื่อใช้ Function ที่ตัว OS มีมาให้อยู่แล้ว และ Function เรื่องคนของ MS น่าจะสมบูรณ์และตอบโจทย์การใช้งานของคนทั่วไปมากกว่า OS อื่นๆที่ยังอยู่บนแนวคิดเดิมๆคือ Phone + App แต่สำหรับ WP อยู่แนวคิดเรื่องการสื่อสารเชื่อมต่อมากกว่า Communicate + App
Camera
กล้องเป็นส่วนที่เพิ่มความสามารถขึ้นมาเยอะครับ และเป็นส่วนที่ผมคาดหวังมาก เพราะมือถือทุกวันนี้ การถ่ายรูปถือเป็นงานหลักของมันเองด้วยซ้ำ ซึ่งใน Mango นี้ เราจะสามารถปรับค่า Setting และ Save ค่าไว้ได้แล้ว (จากเดิมที่มันไม่จำครับ เปิดใช้กล้องใหม่เมื่อไหร่ก็ต้องมาปรับกันใหม่) นอกจากนี้มันยังเพิ่ม Feature ที่ให้เราสามารถถ่ายรูปได้โดยการแตะหน้าจอเลย แต่เข้าใจว่ามันยังไม่สมบูรณ์ เพราะเวลาผมแตะมันดู บางทีมันก็จะพยายามโฟกัส ซึ่งถ้าโฟกัสไม่ได้ มันก็ไม่ถ่าย (ถ้าโฟกัสได้จะถ่ายทันที) ซึ่งมีปัญหาแน่ๆกับสภาพที่มีแสงน้อยแล้วต้องการการ Capture ทันที นอกจากนี้ยังมีปัญหากับบางท่านที่บางทีอาจจะอยากได้ภาพเบลอๆ แนวๆหน่อย ซึ่งจะต้องกลับไปพึง่ปุ่มเหมือนเดิม เพราะ Build ที่ผมโหลดมามันไม่มี Soft Button เหมือน iOS
ส่วน Function Auto-Fix ที่เพิ่มมาให้ ผมว่ามันไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ครับ
สรุป: เกือบสมบูรณ์แล้ว ขอแค่เอา Soft Button กลับมาก็พอ
IE9
อาจจะเป็นส่วนที่ผมผิดหวังที่สุด เพราะผมรู้สึกว่ามันทำงานช้ากว่า Nodo พอสมควร (ผมเล่นผ่าน WiFi 6MB ที่บ้าน) และการแสดงผลภาษาไทยยังไม่ถูกต้องเท่าไหร่ แต่มันตัดคำภาษาไทยดีขึ้น (งงเหมือนกัน) ซึ่งในความคิดผมแล้ว มันควรจะ Support ภาษาต่างๆได้ดีเหมือน Desktop ครับ นอกจากนี้การปรับ URL Bar ไปไว้ข้างล่างน่ะดีแล้ว รวมถึงการมี URL Bar ในโหมดหน้าจอแนวนอนด้วย แต่การตัด Menu Bar ออกไปนี่แย่มาก เพราะจากของเดิมที่เราสามารถกดปุ่มบนเมนูเพื่อดู Favorited เปลี่ยน Tab ไม่สามารถทำได้ใน 1 จิ้ม ซึ่งในมุมของ User แล้วผมว่าปุ่มสลับ Tab จำเป็นมากๆ อันนี้คงต้องรอดู MS ว่าจะรับฟังเสียงติงแล้วปรับ UI อีกรอบไหม (และจำทำทันไหม)
สรุป: IE ต้องปรับปรุงพอสมควรก่อนออกตัวจริงครับ
Updated: พอดีที่ผ่านมาผมเข้าแต่เวบไทยครับ เลยเจอว่ามันช้า แต่เมื่อตอนเที่ยงเข้าเวบนอกแล้วพบว่า มันเร็ววายป่วงเลยครับ ทำเอา EDGE ของ AIS เร็วยังกะ 3G ซึ่งผมเข้าใจว่าเข้าเวบไทยช้า น่าจะมาจากปัญหาเรื่องการแสดงผลล่ะครับที่อาจจะทำให้ระบบมันงงๆ คิดมากสักหน่อย
Email + Calendar
ต้องบอกว่าการรวม Feature Conversation เข้ามา เพื่อแสดงผลเหมือนบน Outlook Desktop เป็นความคิดที่ดี แต่ MS ยังหาวิธี Implement ที่เหมาะๆไม่ได้ การยกการแสดงผลแบบ Desktop มาเลยทำให้มีปัญหาเรื่องการเข้าถึง Email ที่ช้ากว่าเดิม เพราะต้องกดสองครั้ง (จากเดิมครั้งเดียวอ่านเมล์ได้เลย) และด้วยพื้นที่แสดงผลจำกัดทำให้ต้องเสียพื้นที่ไปให้หัว Conversation โดยไม่จำเป็นครับ คือผมคิดว่าโปรแกรมอ่านเมล์ควรจะเน้นให้เห้นเมล์ได้เยอะๆมากกว่า
ส่วนในเรื่องของ Calendar ใน Mango จะมีการรวม Facebook Calendar มาด้วย ซึ่งตอนนี้คิดว่า Facebook เหมือนจะรวมเป็นเนื้อเดียวกับ Windows Phone ไปแล้ว นอกจากนี้ก็มีการเพิ่ม To-Do ขึ้นมาก็น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้ได้เพิ่มขึ้น (แต่ผมไม่ได้ใช้นะ)
นอกจากนี้ผมยังเจอปัญหาว่าพอกด Back กลับมาแล้วระบบมันค้างด้วยครับ อันนี้คิดว่า MS ต้องปรับปรุง
สรุป: ผมว่ามันยังไม่ลงตัวในบางส่วน แต่ดีกว่าของเดิมเยอะ ซึ่งถ้า MS สามารถปรับให้มันลงตัวได้และเพิ่ม Task เข้ามา ผมคิดว่าตลาดองค์กรโดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ Exchange Server นั้น คงไม่ต้องมองหา OS ตัวอื่น
Phone
Phone เป็นส่วนที่คิดว่าไม่น่าจะต้องเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่ แต่ MS ก็ตัดสินใจเปลี่ยน อย่างแรกคือมีการปรับ UI ใหม่ โดยปุ่มรับสาย วางสายใหญ่ขึ้นแบบเต็มพื้นที่ (อันนี้ผมว่าดี) และตัดสินใจแสดง Extend Button ทั้งหมดระหว่างโทร จากของเดิมที่ซ่อนไว้ ต้องกดให้แสดงเอง อันนี้ผมก็ว่าดี แต่ที่คิดว่าไม่ดีคือของเดิมเวลาเอาโทรศัพท์แนบหูเพื่อคุยแล้วหน้าจอจะดับทันที แต่บน Mango นั้นระบบจะแค่ลดความสว่างลงเหลือประมาณ Low Lever ซึ่งผมคิดว่าอันนี้น่าจะเป้น Bug มากกว่า
Performance
ตอนแรกผมคิดว่าผมรู้สึกไปเอง แต่ต้องยอมรับว่า Mango มันเร็วขึ้นจริงครับ คือการเข้าถึงหน้าจอ การย้อนกลับไปหน้าต่างๆมันเร็วขึ้นมาก แบบถ้าใช้ความรูสึกเพียวๆ ผมว่ามันเร็วขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว การเปิดโปรแกรม การทำงานของโปรแกรมต่างที่ต้องใช้ API ของระบบ ผมว่ามันทำงานเร็วขึ้นมากและส่วนของ Graphic ก็ Smooth ขึ้น
ส่วนอื่นๆเช่น Bing, Zune Music อะไรพวกนี้ ไม่ได้ลองครับ แต่ในส่วนพวกนี้ก็มีการปรับ Look&Feel ให้ไปในเนื้อเดียวกันกับส่วนอื่นๆในระบบพอสมควร แต่คิดว่าคงไม่ได้เป้นสาระอะไรมาก แล้วก็ Multi-Tasking ก็มีเหมือนชาวบ้านแล้ว แต่ผมอยากเรียกมันว่า App Switching มากกว่า เพราะจริงๆแล้วมันแค่ยอมให้เราสลับ App ที่เปิดไว้ได้ซึ่งของเก่ามันไม่มี
สรุป
ผมเห้นด้วยกับทุกสำนักรีวิวที่บอกว่า Mango มันเทพมาก และมันก็เทพจริงๆครับ และเมื่อเราดูสิ่งที่ iOS มีใน iOS5 ทำให้ผมคิดว่าเมื่อวันที่ Mango ออก WP7 จะไปหายใจรดต้นคอ OS ทั้งหมดแล้วครับ และด้วยความ Unique ของมันเองที่เปลี่ยน Concept ของโทรศัพท์ไปยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลางไม่ไปเดินตามรอย iOS (เหมือนที่ Android เลือก) ที่เอา App เป็นศูนย์กลาง ทีนี้เราต้องรอดูว่าไอ้สิ่งที่ขาดๆแล้วบางคนอยากได้ เช่น การต่อเนทผ่านมือถือหรือการทำตัวเป้น WiFi Hot Spot (ซึ่งจริงๆมีอยู่แล้วแต่ไม่เปิดให้ใช้) จะเปิดมาใน Mango ไหม ผมเองมาคิดเล่นนะครับว่า ถ้าเมื่อ 8 เดือนที่แล้วตอน MS เปิดตัว WP7 แล้วมันเป็น Mango ตัวนี้ วันนั้นตลาดอาจจะสะท้านสะเทือนขนาดไหน
แต่อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถที่มีมาใน Mango ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า มันจะทำให้ตลาดจะเหลือแค่คำถามว่า
iPhone or Windows Phone?
ปล. บทความนี้ไม่ได้อ้างอิงถึง Android เพราะผมไม่เคยใช้ Android ครับ
ปล2. ภาพประกอบแรกจาก Winrumor ครับ ส่วนที่เหลือเอามาจาก WPCentral.com