สมัยก่อน ผมเป็นคนนึงที่ชอบสะสมพวก package CD, DVD ครับ
ด้วยความที่ชอบดูหนังฟังเพลงเป็นทุนเดิม ตั้งแต่เด็กๆก็ซื้อม้วนเทปฟังประจำ
เมื่อเดือนก่อน กลับไปบ้านที่ขอนแก่น ก็เห็นม้วนเทปตัวเอง กองเป็นตั้งๆ
นับเป็นเงินแล้วก็ได้หลายหมื่นเลย จนแม่ผมบ่นทุกทีว่าเปลืองเงินมาก
นอกจากนี้บ้านผมยังมีหนังสือกองเป็นพะเนิน ซึ่งคงเหมือนบ้านของหลายๆท่าน
มาถึงยุดนี้ที่เข้าสู่ยุค Digital Content ซึ่งสภาพที่อยู่อาศัยของเรามันพื้นที่เล็กลงเรื่อยๆ
และแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางตรงข้าม พื้นที่เก็บข้อมูลในโลกดิจิตอลกับราคาถูกลงเรื่อยๆ
และติดตามเราไปทุกที่ เอาว่าแต่ก่อน เวลาจะไปต่างจังหวัด
ผมต้องมานั่งเลือกว่าจะเอา CD แผ่นไหนไปฟัง เอาหนังแผ่นไหนไปดู
ตอนนี้ถือ iPod ไปเครื่องเดียวถ้าอยากฟังเพลง หรือถือ Ext. HDD ไปอันเดียว
ถ้าอยากดูหนัง (แต่ต้องมี Notebook ไปด้วยนะ)
แน่นอนว่าสื่อหลักๆอย่างหนังและเพลง ในปัจจุบันนี้กลายร่างไปเป็นรหัสไบนารีโดยสมบูรณ์แบบแล้ว
(คนซื้อ CD, DVD ทุกวันนี้ ผมมองว่าเป็นกลุ่มคนที่แค่อยากสะสม Package เท่านั้น)
คงเหลือแต่อ่านสุดท้ายอยากหนังสือ ที่ e-book ที่เกิดมาหลายปีดีดัก
แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะความคลาสสิกของกลิ่นกระดาษ และสัมผัสสากๆที่ปลายนิ้วมือได้
ความว่าเป็นความอ่อนด้อยของ e-book ไหม ผมตอบได้ทันทีเลยไม่ใช่
สาเหตุมันมาจากความไม่เอาไหนข้องอุปกรณืที่ใช้อ่านต่างหาก
ใครเล่าจะทนหนังอ่านหนังสือผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ ต่อให้มี LCD ก็เถอะ
เพราะมันปวดตาไม่ใช่เล่น (อัตราการสะท้อนแสงของ LCD กับหนังสือมันต่างกันลิบลับ)
เฉกเช่นเดียวกับวงการเพลง ที่แม้มี MP3 มานานหลายปี แต่ก็ได้ iPod นี่ล่ะที่มาเป็น Critical Point
และวงการภาพยนตร์ก็เช่นเดียวกัน ที่ผมว่า Trend Setter กำลังจะมา ไม่น่าเกินปีหน้า
แต่การย้ายสื่อทั้งหมดที่อยู่รายรอบตัวเรามาเป็น Digital ที่สามารถลดพื้นที่จัดเก็บได้มหาศาล
เป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และผมกำลังมุ่งไปอย่างเต็มที่
หลังจากผ่านชีวิตมาเกินสามสิบปี ผมพบว่า หนังสือ แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เป็นภาระที่น่าเบื่อหน่าย
เพราะของพวกนี้ ใช้เพียงชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าว แต่ต้องหาที่ให้มันอาศัยอยู่ไปจนสิ้นอายุขัยของมัน
หรือจนกว่าเราจะกำจัดมันทิ้งไปน่ะล่ะ ตอนนี้ผมมีหนังสือเก็บอยู่ในลังหนังสือเยอะแยะ
และมี DVD กองอยู่เต็มบ้าน เป็น DVD ที่ไม่เคยคิดจะเอามาดูซ้ำอีกสักเท่าไหร่นัก
ในข่ายของหนังสือ ผมเองคิดว่า iPad หรือ Tablet ต่างๆที่กำลังทยอยออกมาปีนี้
มันไม่ใช่คำตอบที่เราต้องการ (ผมเชื่อว่าการอ่านอะไรบน LCD นานๆมันเมื่อยสายตามาก)
ชีวิตตอนนี้เลยลองเสี่ยงลงทุนกับ amazon kindle ดู
แต่ในส่วนของ TV นั้น ผมว่ามันยังเวิ้งว้างอยู่อย่างที่ @markpeak ว่า
ทุกวันนี้ผมโหลดหนังจากบิทเป็นส่วนใหญ่ครับ ปัญหาไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากซื้อของลิขสิทธิ์
ชีวิตทุกวันนี้คิดว่า ราคา media พวกนี้ไม่ได้เป็นสาระเท่าไหร่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่คือ
ซื้อแล้วกลับต้องมาสร้างภาระต่อหลังจากดูจบ ต้องมาหาที่เก็บ ต้องมาคอยดูแล
ผมเคยบ่นว่า อยากให้ทุกค่ายทำ digital content เร็วๆ แต่ความต้องการนี้คงเป็นไปได้อย่าง
สำหรับประเทศที่ถนัดแต่บริโภคเทคโนโลยีแบบเรา คงต้องรอให้ฝรั่งรบกันฝุ่นหายตลบก่อน
เราค่อยรอลอกอย่างใจเย็น ส่วนระหว่างนี้ก็ใช้วิธีเดินประท้วงเทปผีซีดีเถื่อนที่ทำมาเป็นสิบๆปี
แล้วยังไม่ได้ผลกันต่อไปครับ ไว้ทุกท่านคิดวิธีเอาเงินโดยที่ผมไม่ต้องเอาแผ่นได้เมื่อไหร่ ค่อยคุยกัน
แน่นอนว่าผมเคารพสิขสิทธิ์ทางปัญญา แต่ถ้าจะให้ซื้อแผ่นแท้มาให้มันรกที่เล่นเห็นทีคงไม่ไหว