ถ้าคุณไปค้นใน google ด้วยคำว่า “ผมเกลียดแอมเวย์”
คุณจะพบ blog ของ @plynoi ขึ้นหราเป็นอันดับ 1 ครองแชมป์มายาวนานหลายปี
ไอ้ที่มาเขียนวันนี้ ไม่ใช่ว่าอยากท้าชิงแชมป์ “ผมเกลียดแอมเวย์” กับน้องแว่วแต่อย่างใด
แต่เรื่องที่เจอมาวันสองวันนี้ มันทำให้อดรนทนไม่ได้จริงครับ ต้องเอามาระบายหน่อยเถอะ
อย่างแรก ต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่ชอบแอมเวย์ ไม่ชอบ model ธุรกิจแบบนี้
ไม่ชอบวิธีการขาย การล้างสมองของคนขายสินค้ายี่ห้อนี้
แต่… ไม่ถึงกลับเกลียด นั่นสำหรับเมื่อก่อนนะครับ
ผมคิดว่า สินค้า Amway คุณภาพดี แต่ดีเกินความจำเป็น แถมราคาสูงเวอร์
เพราะ 60-70% เป็นค่าคอมมิสชั่นของพนักงานขายที่เค้าพยายามเรียกตัวเองว่า “นักธุรกิจแอมเวย์”
ผมเองก็ใช้สินค้าบางอย่างที่คิดว่าราคาสมเหตุสมผลนั่นคือน้ำยาล้างรถ แต่อย่างอื่นไม่ค่อยได้ใช้เลย
นอกจากมีคนรู้จักที่พอฝากสั่งได้ ผมก็จะฝากซื้อนั่นซื้อนี่มาลอง แต่ก็อยากลองเพราะอยากรู้นะครับ
มาเมื่อวันสองวันก่อน ผมมาพบว่า จาก “ไม่ชอบ” คนขายแอมเวย์
มากลายเป็นผม “เกลียด” คนขายบางคนชิบหาย อันนี้หมายถึงพวกอัพไลน์ไร้จริยธรรมนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า แต่ก่อนนั้น ผมคิดว่าอัพไลน์ทั่วไป จะพยายามกล่อมดาวน์ไลน์ของตัวเองให้ค่อยซึมการล้างสมอง
ให้กลายเป็น แอมเวย์แมน แบบค่อยเป็นค่อยไป
เริ่มจากให้เทปหรือ CD มาฟังพวกที่ได้มงกุฏทั้งหลายโม้เหม็นความสำเร็จให้ฟัง
ให้เปลี่ยนสินค้าในชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆมาเป็นแอมเวย์ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น
พอล้างสมองได้ที่แล้ว สิ่งที่จะโดนเป็นอย่างสุดท้าย ที่ใครๆก็รู้ว่า
ถ้าเพื่อน น้อง แฟน หรือคนรู้จัก ลองได้ซื้อไอ้ของนี่ แสดงว่ากู่ไม่กลับแล้วครับ
มันคืออะไร????
มันคือเครื่องกรองน้ำมหาเทพนั่นเอง
แล้วถ้าโดนล้างสมองสมบูรณ์แบบแล้ว เค้าเหล่านั้นจะซื้ออะไรเหรอครับ???
เครื่องฟอกอากาศเทวดานั่นไง
ครับ… สมัยก่อนนั้น ลองโดน 2 ตัวนี่เข้าไป ก็ถือว่าปิดการล้างสมองของอัพไลน์แล้ว
แต่่ล่าสุดที่ผมเจอมาคือ บางคนโดนลากไปเข้าแก๊งค์แค่เดือนเดียว แต่ถอยเครื่องกรองน้ำมาแล้ว
ซึ่งผมไม่รู้ว่าอัพไลน์ท่านนั้นบอกอะไร แต่ผมเห็นเด็กที่อยู่หอคนเดียว กินน้ำที่หอไม่เกินวันละ 2 ลิตร
ซื้อเครื่องกรองน้ำราคา 27,000 บาท โดยมีค้าไส้กรองที่ต้องเปลี่ยนทุกปีราวๆ 5,000 บาท
กินให้ตายยังไงก็ไม่คุ้ม เพราะมันจะตกต้นทุนต่อลิตรที่แท้จริงเกือบลิตรละ 8-10 บาท
ราคานี้ ซื้อน่ำขวดกินยังคุ้มกว่าเลยครับ
ที่ผมไม่พอใจมากคือ คนขายที่หลอกขายเด็กที่เป็นดาวน์ไลน์น่ะ จริยธรรมมันอยู่ไหนครับ
เครื่องกรองน้ำ amway มันดีจริง แต่มันเหมาะสำหรับคนป่วยพักฟื้นที่มีภูมิต้านทานต่ำ
มันเหมาะกับบ้านที่มีคนอยู่ 3-4 คนขึ้นไป และใช้น้ำในการทำอาหารด้วย มันถึงจะคุ้ม
แทนที่คุณจะบอกข้อมูลนี้แก้ดาวน์ไลน์คุณ พร้อมทั้งห้ามดาวน์ไลน์คุณว่า
ถ้าไม่เข้าข่ายนี้อย่าซื้อเลยน้อง ไม่คุ้ม ไม่จำเป็น
แต่อัพไลน์พวกนี้ มันไม่สนหรอกครับว่าคนที่ซื้อไปจะคุ้มค่าไหม มันสนแค่ว่าขอให้มันขายได้
ให้มันได้ยอดก็พอ
ที่แย่ที่สุดคือ ผมเจอน้องที่เพิ่งทำได้แค่ 2 เดือน โดย 1 เดือนแรกซื้อเครื่องกรองน้ำ
อีกเดือนถัดมาซื้อเครื่องกรองอากาศ
ครับ เครื่องกรองอากาศราคา 39,000 บาท (หักส่วนลดแล้ว)
มนุษย์อายุยี่สิบกว่าๆ ร่างกายแข็งแรง อยู่ในสภาวะแวดล้อมปกติที่ไหนต้องการเครื่องกรองอากาศครับ
แล้วรู้ไหมครับ ว่าแอร์ที่เราใช้ๆกันอยู่ มันก็กรองฝุ่นละอองให้ระดับหนึ่ง
แล้วรู้ไหมครับว่า เครื่องกรองอากาศยี่ห้ออื่น ราคาถูกกว่า 3-4 เท่า ก็สามารถกรองอากาศได้ในระดับ
เกินความต้องการของคนทั่วๆไปแล้ว
ผมโคตรอยากถามเลยครับว่า “จริยธรรม” มันอยู่ไหนเหรอครับ
แล้วที่น่าสงสารคือ น้องพวกนี้ เชื่ออัพไลน์มาก เค้าบอกอะไรก็เชื่อก็ทำตาม
แต่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า ที่อัพไลน์คุณ เค้าเสียเวลามาดูแล มาคุยกับคุณ
ก็เพราะเค้าหวังแต่ “ยอดขาย” กับ “ค่าคอมมิสชั่น” เท่านั้นเอง
มีคนนึงพูดประโยคหนึ่งได้น่าสนใจมาก
เธอบอกว่า
คนที่เชื่อในธุรกิจนี้ มีแค่ “คนโง่” และ “คนโลภ” เท่านั้น
ถ้าคุณกำลังจะเข้าไปขายแอมเวย์ ถามตัวเองดูครับ ว่าคุณเข้าไปเพราะอันไหน
พบว่าถ้าหาด้วย "ผมเกลียดแอมเวย์" blog ของพี่ @rerngrit เป็นอันดับหนึ่งคับ T^T
เฮ้ย… แต่พี่ search คำนี้ แล้วก็เจอของแว่วอยู่ที่ 1 เหมือนเดิมนะ แต่ค้นผ่าน Chrome 6 ว่ะ
น้องรหัสของผมคนนึงก็โดน Amway ล้างสมองเหมือนกัน สุดท้ายเรียนไม่จบ หลายปีก่อนเพื่อนไปเจอเป็นเด็กเชียร์เบียร์อยู่
อันที่จริง คุณเกลียดแอมเวย์เพราะรู้จักแอมเวย์ในมุมมองที่ผิด คนที่นำแอมเวย์เข้ามาในชีวิตคุณนั้น ทำแบบผิดๆจนคุณเข้าใจว่าจะไปล้างสมอง อันที่จริงแล้ว คนที่ทำแอมเวย์ดีๆก็ยังมีอีกเยอะ ที่ทำแบบถูกวิธี และไม่จำเป็นจะต้องล้างสมองใครเพื่อให้ได้ยอด คนที่จะทำแอมเวย์อย่างถูกต้องและสำเร็จนั้น ต้องเป็นคนที่ต้องการให้สิ่งดีๆกับคนอื่นได้จริงๆ ถ้าคนที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว จะเอายอด ไม่มีวันทำได้ สินค้าของแอมเวย์นั้น คนมักบอกว่าคุณภาพดีแต่ราคาแพง ถ้าลองพิจารณาดีๆแล้วจะพบว่าไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพราะอะไร สังเกตดู สินค้าตามท้องตลาดน่ะ มักจะทำมาในรูปแบบที่ไม่เข้มข้น คือใช้ได้เดือนต่อเดือน อะไรแบบนี้ ก็เลยฟังดูว่าราคาถูก ลองคูณจำนวนเดือนเข้าไปดู แล้วจะพบว่า ไม่ได้ถูกอย่างที่คิดเลย สินค้าจากบริษัทแอมเวย์นั้นเป็นสินค้าแบบเข้มข้น สามารถใช้ได้นานมาก พอหารจำนวนเดือนดู ก็จะราคาถูกลง ส่วนเครื่องกรองนำนั้นบอกว่าลิตรละ 8+บาท นั้น ต้องคำนวณละเอียดมากกว่านี้หน่อยเพราะที่จริงแล้วเพียง 89 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ลองคิดดูว่าถ้าดื่มนำขวด 0.5 ลิตรวันละ20ขวด (เท่ากับ 10 ลิตร หาร 5 ได้ 2 ลิตรต่อคนต่อวัน)สำหรับครอบครัวมี 5 คน แปลว่าในปีนึงจะดื่มนำ7300 ขวด แล้วถ้าเป็นนำดื่มราคาขวดละ 6 บาท (ถ้าเป็นคริสตัลนี่ 10 บาท)คูณเข้าไป ปีนึงจะเสียเงิน43800 บาท ปีที่สอง สาม สี่ คำนวณแบบเดียวกันไปเรื่อยๆ ปีที่ ห้า จะเสียเงินแค่ค่านำไปแล้ว 219000 บาท แต่ดูเครื่องกรอง e-spring (แอมเวย์) เริ่มต้น ค่าเครื่องกรองสูงก็จริง 27448 บาท แต่ปีถัดมาเสียค่าไส้กรองปีละ 4432 บาท พอปีที่ห้า ค่าไส้กรองบวกราคาเครื่อง(ที่ซื้อในปีแรก)จะได้ 49608 บาท เมื่อกี้ ลองกลับไปดูค่านำขวด จะพบว่าหลักแสนแล้วในปีที่ห้า สำหรับเครื่องกรองนี้ กรองได้ปีละ 5000ลิตร ราคาไส้กรองปีละ 4432 หาร 5000 จะเหลือ 89 สตางค์ต่อลิตร ราคาถูกกว่านำดื่มขวด เรามักจะคิดว่านำดื่มขวดไม่แพง เพราะว่าเราจ่ายทีละน้อยๆแต่บ่อยๆ ทุกวันๆ แต่เครื่องกรอง เราจ่ายสูง นานๆครั้ง แล้วคุณภาพเครื่องกรอง ไม่ได้เหมาะแต่เฉพาะคนป่วยภูมิต้นทานตำเท่านั้น ตอนนี้คนที่ยังไม่ป่วยก็จะไม่คิดว่าสารปนเปื้อนต่างๆที่ได้รับไปในแต่ละวันนั้น จะก่อให้เกิดอะไรในอนาคต คนเรามักพลาดแล้วค่อยแก้ซึ่งไม่รู้จะทันรึเปล่า การป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นย่อมไม่ดีกว่าเหรอ
เรื่องเครื่องกรองอากาศ การที่ร่างกายเราต้องรับมลภาวะต่างๆ นั้น ต้องทำงานหนักแค่ไหนในการกำจัดออก แล้วพออายุมาก มันทำงานหนักไปแล้ว ก็เริ่มเสื่อมสภาพต้องเสียค่าใช้จ่ายมาดูแลรักษากันอีก เคร่องกรองยี่ห้ออื่นนั้นที่ว่ากรองได้ดีพอแล้ว พอแน่หรือ ฝุ่นละอองต่างๆที่เรามองไม่เห็นด้วยตาปล่ามีเยอะ รอบตัว แล้วเวลาออกนอกบ้าน ปอดของเราต้องสูดดมควันจากรถที่เพิ่มขึ้น และมลพิษอีกมากมายเท่าไร ร่างกายของเราเอง เราไม่รัก ไม่ดูแล แล้วใครจะดูแลแทนเราได้ นอกจากนี้บางคนยังคิดว่าแอมเวย์เป็นของนอก ลองคิดดูอีกสักนิด แอมเวย์เป็นสินค้าที่ผลิตในต่างประเทศจริงแต่นำเข้ามาทำการตลาดภายใน แสดงว่าเงินอยู่ที่ไหนคะ แล้วสำหรับสินค้าที่ซื้อทั่วๆไปนั้นเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศจริง(เป็นการลดต้นทุน) แต่บริษัทก็ล้วนตั้งอยู่ที่ต่างประเทศทั้งนั้น ห้างสรรพสินค้าทั้งหลาย ถ้าคุณเข้าไปซื้อสินค้าปุ๊บ เงินก็ลอยเข้าบริษัทแม่ที่ต่างประเทศแล้ว แต่แอมเวย์นั้นเงินยังอยู่ภายในประเทศ จริงอยู่ที่บริษัทเองก็ต้องได้เงินค่าผลิตและอื่นๆ แต่เงินจำนวนมากก็ต้องถูกกระจายไปให้นักธุรกิจแอมเวย์ทั่วโลก ซึ่งถ้าเทียบแล้วจะเปรียบเสมือน ซีพีซึ่งเป็นเจ้าของ 7-11 นักธุรกิจทุกคนเป็นทั้งซีพี และ 7-11 ในตัว จึงไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ และถ้าคุณลองคิดดูอีกว่าคุณไม่อยากทำธุรกิจแอมเวย์ แต่คุณใช้ของ ถ้าสมัครแบบนักธุรกิจนั้น ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ แต่คุณก็เพียงจะได้เงินคืนจากค่าสินค้าที่ซื้อไปแล้วนั่นแหละ แต่สินค้าตามร้านทั่วไป คุณไม่เคยได้เงินคืนเข้าบัญชีเลย จ่ายแล้ว จ่ายเลย แล้วการที่คุณคิดว่าคนที่เชื่อแอมเวย์นั้นเป็นคน โง่ กับ โลภ ลองคิดดูว่าคนที่ทำแอมเวย์แบบถูกวิธีเค้าทำกันยังไง ไม่ใช่เพราะอยากให้คนที่เค้ารักได้รับสิ่งดีๆเหรอ เค้าอยากให้คุณได้มีสุขภาพที่ดี ได้ใช้ของที่มีคุณภาพ ถ้าคุณไม่เอา ไม่อยากได้ เค้าก็ไม่ตื้อ เค้าถือว่าอย่างน้อยเค้าก็อยากให้คุณได้รับรู้ว่าเค้าอยากให้คุณดูแลตนเอง ส่วนคนที่ทำธุรกิจแอมเวย์แบบถูกต้องนั้น เค้าเพียงต้องการให้สิ่งที่ดีกับคนรอบข้าง ส่วนเงินปันผลก็เป็นพลพลอยได้จากการที่ทำให้คนอื่นได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต้องเป็นโรค แล้วบางคนก็เลือกที่จะทำแอมเวย์ เพราะนึกถึงคนข้างหลัง และพ่อแม่ พ่อแม่ทำอะไรให้เรามาตั้งมากมาย ถ้าไม่มีพ่อแม่ ทุกวันนั้จะมีเรามั้ย แล้วนึกดูว่าเราตอบแทนอะไรให้ท่านบ้างแล้ว บางทีเงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญแต่.. สิ่งที่สำคัญกลับไปผูกอยู่กับเงิน ถ้าคนที่เรารักป่วย เราก็ต้องใช้เงินรักษา แล้วถ้ามีลูก ในอนาคตของลูก ถ้าคิดถึงลูกหลาน เป็นห่วงเค้า รักเค้า แอมเวย์สามารถตกทอดเป็นมรดกได้ ธุรกิจอื่นนั้นเป็นของใครของมัน การที่มีเวลาที่จะให้ความรัก ให้ความอบอุ่นแก่คนรอบข้างนั้น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะเป็นพื้นฐานทางครอบครัว ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องการให้ชอบแอมเวย์ แค่อยากให้ลองมองสิ่งรอบตัวโดยปราศจากอคติ ลองใช้ใจมอง ไม่ใช่ใช้แค่ตามอง มองแค่ผิวเผิน แล้วจะเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวมากขึ้น ถ้าเรารู้สึกมีอคติกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตั้งแต่แรกแล้ว ก็จะทำให้เรามองสิ่งนั้นในแง่ลบตลอด เราจะไม่มีวันเข้าใจเด็ดขาด แอมเวย์ไม่สามารถล้างสมองคนที่คิดได้ คนที่รู้จักตระหนัก ก็จะมีวิจารณญาณคิดได้เองว่าแอมเวย์เป็นอย่างไร คนเรามักไม่ใช้ความคิดที่บริสุทธิ์ในการมอง ขอบคุณมากนะคะที่ยอมสละเวลาอ่านจนจบ 🙂
ไม่รู้ว่าคุณกลับมาอ่านที่ผมจะเขียนไหม
ผมอยากบอกว่า อ่านที่ผมเขียนดีๆครับ
แล้วก็ เอาข้อมูลด้านเดียวของคุณไปบอกอัพไลน์คุณเถอะครับ
นี่แหละผมถึงเรียกว่าพวกหวังแต่ยอดขายไง
เพราะคุณขายของ แต่คุณยังไม่รู้จักลูกค้าคุณเลย คุณไม่รู้จักลูกค้าคุณ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าคุณมอบสิ่งดีๆให้เค้าครับ คุณใส่ข้อมูลมาเต็มที่ คุณถามผมยังครับว่าบ้านผมอยู่กันกี่คน ผมดูแลพ่อแม่ผมยังไง ดูแลคนรอบข้างยังไง
อยากขายของแต่ไม่รู้จักลูกค้า ผมว่าคุณก็เป็นคนขายแอมเวย์ห่วยๆแบบที่คุณพยายามด่านั่นล่ะครับ
ผมเห็น @plynoi ขึ้นก่อน มายืนยัน
พี่สาวผมทำแอมเวย์ ตอนนี้ผมซื้อหูฟังแบบตัดเสียงรบกวนแล้ว บรรยากาศดีขึ้นมาก
ไม่ระบุชื่อ คนที่2
เป็นนักธุรกิจแอมเวย์ค่ะ ทำงานประจำในตำแหน่งที่ดีอยู่บริษัทหนึ่ง เคยแอนตี้แอมเวย์มาก่อน(อันนี้จริง ไม่ได้ประโยคฮิตนะคะ) แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วค่ะ สินค้าดี แก้ปัญหาตัวเราได้ เลยบอกคนที่เรารู้จักน่ะค่ะ ส่วนการทำธุรกิจแบบสักแต่ว่าขายหรือไม่นั้น เนื่องจากเคยคิดแบบคุณเจ้าของบล็อคมาก่อน เลยค่อนข้างเข้าใจ ทีนี้เวลาเราจะให้ข้อมูลใคร เราก็จะดูความต้องการของเค้าเป็นหลักค่ะ อ้อ!พูดถึงเครื่องกรองน้ำอีกที เคยไปทำให้คนของคนรู้จักดู เค้าก็ตัดสินใจซื้อเลยนะ ปรากฏว่าผ่านไป 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้วว เราก็ถามว่า "พี่…ซื้อมาแล้วไม่ใช้เหรอ ถ้าไม่ใช้ก็คืนได้นะคะ สินค้าเค้ารับประกันความพอใจ" แต่พี่แกก็ยังยืนยันว่าจะติดๆ ไอ้เราก็ไม่สบายใจ จนผ่านเข้าเดือนที่ 3 แกก็ติดต่อเรามาให้ไปช่วยติดแล้วค่ะ เรื่องนี้เล่าให้ฟังแค่ว่า ยังมีคนที่ทำตามกฏจรรยาบรรณ เป็นตัวเป็นตนอยู่เยอะในธุรกิจนี้นะคะ อย่าเพิ่งผิดหวังในการกระทำของแค่คนบางกลุ่ม แล้วทำให้เราปิดโอกาสตัวเอง ที่จะได้รับข้อมูลดีๆ คิดดี ทำดี เราก็จะได้ดีจริงๆค่ะ เพราะตอนนี้ก็สำเร็จในแอมเวย์ระดับ เข็มทองแล้ว โดยที่เรายังไม่ได้ไปบังคับใครให้ต้องซื้อของเลย เพราะทำแบบนั้นได้ยอดแต่เสียเพื่อนค่ะ เหนือยฟรีด้วย ….ชักยาวว แค่นี้ล่ะค่ะ
ผมตอบตรงๆว่าไม่ได้มีปัญหากับตัวสินค้า
ผมไม่ได้ไม่ชอบขายตรงด้วย
และผมเชื่อว่าคนค้าขายดีๆมีจริยธรรมมีอยู่เยอะนะครับ ไม่งั้นสินค้าก็คงอยู่ไม่ได้
ผมแค่อยากให้คนขายแอมเวย์สอนคนขายในสังกัดตัวเองทุกคนว่า
สินค้าแอมเวย์ ก็มีข้อเสีย
สินค้าแอมเวย์ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน
สิ้นค้าดีๆในโลกมีเอีกเยอะ ไม่ได้มีแอมเวย์อย่างเดียว
ไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าแอมเวย์ก็มีชีวิตดีๆได้
เล่าเรื่องนึงขำๆครับ เพื่อนคนนึงพยายามขายครีมอาบน้ำแอมเวย์ให้ผม บอกว่าถึงจะ "แพง" แต่ก็ดี ดีกว่าโชกุบุสสึที่คนชอบใช้กัน อย่าเห็นแก่ของถูก ลองใช้ของแพงดี จะได้รู้ว่ามันดีกว่ายังไง
ผมเลยบอกว่า ผมไม่ได้ใช้ยี่ห้อนั้น และที่ผมใช้อยู่ก็แพงกว่าแอมเวย์อีก ผมเลยถามว่าแอมเวย์ดีกว่าอันที่ผมใช้ยังไง
เพื่อนคนนั้น ตอบว่า "ถูกกว่า" ฮาาาา
ปล. ขายอะไรก็เถอะ ถ้าขายเป็น ตั้งใจดี รวยๆ เจริญๆทั้งนั้นล่ะครับ
เกลียดแอมเวย์มาก เอาเปรียบคนไทย สินค้าแพงมาก
คุณภาพก็ธรรมดา จ่ายผลตอบแทนน้อย คนทำแอมเวย์ มีหัวแต่คิดไม่เป็น มีหัวไว้ใส่หมวกอย่างเดียว
ไม่ระบุชื่อ (คนเคยกลัวคนแอมเวย์)
ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ระดับทับทิม ก็อยากฝากบอกทุกท่านที่อ่านว่าไม่มีไครผิดที่เขาไม่ชอบเพราะประสบการณ์แต่ละคนเจอมาต่างกัน อดีตดิฉันเคยคิดและพูดว่าเครื่องสำอางแอมเวย์แพงมาก(ชุดเพียวไวท์) ใช้แล้วเหาะได้หรือ?แต่ดิฉันมีปัญหาสิวหาหมอทุกเดือนเดือนละหลายพันบาทแต่จากการให้ข้อมูลที่ดีและเอาใจใส่ชองผู้แนะนำปัจจุบันดิฉันกลายเป็นSuper star 2008 เป็นหนึ่งในกลุ่ม 55 คนที่ไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่และโรงงานแอมเวย์ ยืนยันว่าคนสำเร็จในแอมเวย์ต้องเป็นมืออาชืพและเป็นคนดีเท่านั้น หากท่านไม่ชอบหรือไม่พอใจคนแอมเวย์แสดงว่าเขายังมือใหม่เหมือนหัดขับรถใหม่ๆนั้นแหละค่ะ อาจขับไปชนคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ เพราะคงไม่มีไครชำนาญตั้งแต่เริ่มต้นจริงใหมคะ
"อาจขับไปชนคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ เพราะคงไม่มีไครชำนาญตั้งแต่เริ่มต้นจริงใหมคะ"
แสดงว่า ถ้ามีคนขับรถมาชนเรา พ่อแม่เรา ลูกเรา เราก็อย่าโกรธ อย่าไปว่าอะไรเค้า
ถ้าเค้าบอกว่า เค้าเป็นมือใหม่หัดขับ ใช่ไหมครับ
คนในโลกนี้มีเป็นล้านๆคนแต่ละคนก็ต่างความคิด…นานาจิตตัง
ตัวเราก็ทำแอมเวย์ค่ะ บทความของคุณ lawender นับว่าเตือนสติคนเราได้เป็นอย่างดี
– ถ้ามีคนมาชวนคุณทำเครือข่าย แล้วต้องเสียเงินเป็นหมื่นๆ ขอให้มีจุดยืนปฏิเสธไว้ก่อนเลยดีกว่า
– คำชักชวนที่ได้ผลที่สุดคือการพูดความจริง
ดิฉันเป็นคนทำธุรกิจนี้ ตัวเองจะต้องพิจารณารอบคอบแล้วว่าสินค้าตัวนี้ดี คุ้มค่าจริงๆ จึงจะแนะนำผู้อื่นต่อ
คนอื่นคิดยังไงไ่ม่รู้นะ แต่ส่วนตัวเสียค่าสมาชิกให้แอมเวย์ปีละ 450 บาทเท่านั้น
ถึงดิฉันจะไม่ได้ค่าคอมเลย แต่คงจะไม่ไปล้างสมองคนให้มาืซื้อของแน่ๆ
เพราะดิฉันก็ตัดใจได้ค่ะกับเงินปีละ 450 ถือว่าเราซื้อโอกาสในการบอกต่อไปเรื่อยๆละกัน
นี่พูดจากใจจริง คุณ lawender พูดจามีเหตุผลดี
ถ้าดิฉันคิดอะไรไม่ถูก ก็ยินดีรับคำชี้แนะค่ะ
classic
ใช้ดีแล้วบอกต่อ เป็นหน้าที่ของกัลยาณมิตรครับ
แต่ถ้าการบอกต่อเจือไปด้วยค่าคอมฯและผลประโยชน์ ผมเลือกไม่มีมิตรแบบนี้ดีกว่าครับ
บางครั้งคนเราที่คิดว่าตัวเองฉลาดแต่อาจจะโง่ที่สุดก็ได้นะคะ ทุกอย่างต้องศึกษาข้อมมูลก่อนจะวิจาร
สิ่งที่คุณได้พูดคุณเข้าใจมากน้อยแค่ไหน คุณศึกษามามากน้อยแค่ไหน หรือแค่เคยได้ฟัง ได้อ่าน ได้ใช้มาบ้าง
ทุกอย่างบนโลกนี้หากคุณไม่ได้ศึกษาเรียนรู้อย่างถ่องแท้ คุณก็ไม่ควรจะ ตัดสินว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด การใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตัว มาตัดสิน นี่แหละคือวายร้ายทำลายทุกสิ่ง เพราะมีคนประเภทนี้ประเทศชาติถึงไม่เจริญ มีการ
ศึกษาสูง แต่ไม่มีหัวคิดไตร่ตรอง น่าเสียดายจริงๆ
ก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบระบบขายตรง แต่ปัจจุบันได้ศึกษาดูก็จะรู้ว่าบริษัทแต่ละบริษาัทเป็นยังไง
ถ้าเคยศึกษา ระบบการตลาดทั่วไป ที่ไม่ใช่ขายตรง ก็จะรู้ว่า ยังไงผู้บริโภคก็เสียเปรียบ + กับสินค้าที่ไม่คุ้มกับค่าเงินที่เสียไป แถมยะงเอาคืนไม่ได้เมื่อมีปัญญหา
คุณคิดว่า แบบไหนที่เอาเปรียบมากกว่ากัน
ความเห็นข้างบน หรือเหตุผลของบทความนี้ครับ
"สินค้าเราดีที่สุดในโลก ใครไม่ใช่โง่ ไม่ยอมศึกษาหาความรู้ คนขายอย่างเราฉลาดที่สุด เพราะศึกษามาแล้ว เลือกแล้วว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต"
สงสัยใจว่า คนที่ออกมาปกป้อง แอมเวย์เนี่ย มีสักคนไหมที่ไม่ใช่คนขายแอมเวย์
น่าจะแปลกใจตัวเองนะครับว่า ทำไมไม่มีลูกค้าออกมาปกป้อง มีแต่คนขาย (ที่ไม่ดี) ที่ร้อนตัว
บทความนี้ ด่าว่าคนขายที่ไม่ดี ไม่มีจรรยาบรรณตรงๆ
ไม่เข้าใจว่า ถ้าคุณไม่ใช่คนขายที่ไม่มีจริยธรรม คุณจะเดือดร้อนทำไม
มีตรงไหนในบทความนี้ ที่บอกว่าสินค้าไม่ดีครับ quote มาให่ดูหน่อยสิ
>>>แต่ถ้าการบอกต่อเจือไปด้วยค่าคอมฯและผลประโยชน์ ผมเลือกไม่มีมิตรแบบนี้ดีกว่าครับ<<<
ตรงนี้ขอคิดต่างนิดนึงนะคะ
อืมม คือเราทุกคนต้องมีสินค้าตัวที่เราชอบ เราเห็นว่ามันดี เราก็ไปบอกต่อคนอื่นว่ามันดี
แบบนี้ ไม่ใช่การเห็นแก่ผลประโยชน์นะ
ของดีจริง พูดความจริง นั่นคือโอเค ไม่ใช่พูดเพราะว่าอยากได้ผลประโยชน์
ลองคิดดู ดิฉันไปบอกต่อว่าของอันนี้ดีนะ เขาจะซื้อหรือไม่ซื้อก็แล้วแต่เขาทั้งนั้น
มันไม่ต่างกับคนที่ทำงานเป็น sales ให้กับบริษัทต่างๆเลย
ถ้าของไม่ดี แต่พูดโกหกให้คนซื้อเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ นี่สิแย่
ดิฉันไม่ได้ปกป้องแอมเวย์นะคะ คือ ดิฉันก็คิดว่าตัวเองกำลังมองโลกตามความเป็นจริงอยู่เหมือนกัน
คุณ lawender มีเวลามาคุยกันหน้าบอร์ดอย่างนี้ นับว่าดีมาก
ดิฉันก็จะได้มีมุมมองเพิ่มเติม เพราะว่าคุณมีความเห็นที่แตกต่างออกไป
classic
@classic
เห็นด้วยทุกประการครับ
ผมอาจจะเขียนห้วนๆไปหน่อยสำหรับประโยคนั้น
ประเด็นผมคือ หากเพื่อนอยาก "บอกต่อ" เพราะมัน "ใช้ดี" เป็นเรื่องที่ดีมาก และเราก็อยากมีเพื่อนอย่างนี้เยอะๆ แม้เพื่อนจะขายอะไร นั่นไม่ใช่ประเด็นจริงไหมครับ ส่วนมันจะได้ค่าคอม ค่าอะไร ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ของมัน
ผมมีเพื่อนขายแอมเวย์หลายคนที่ "ดีๆ" นะครับ เค้าไม่เคยเอาอะไรมาขายผมเลย แต่ผมซื้อของเค้าเรื่อยๆ เพราะเวลาเราถามอะไร เค้าก็ตอบเราตรงๆ ดีไม่ดีก็บอก
อย่างเครื่องกรองน้ำนั่นล่ะครับ เพื่อนผมก็บอกเองว่า "ดี" แต่บ้านผมไม่คุ้มหรอก ซื้อเครื่องไม่เกินหมื่นก็พอแล้ว แต่ถ้าอยากซื้อก็ได้ มันขายให้แบบไม่เอาค่าคอมฯ
แน่นอนว่า เพื่อนอย่างนี้ผมจัดในกลุ่มกัลยาณมิตร ไม่ใช่เพราะมันเอาไม่ค่าคอมนะครับ 🙂 แต่เพราะเค้าแนะนำ "สิ่งที่ดีจริงๆ" ให้ผม
คุณ lawender
ขอเรียนตามตรงว่าการได้แลกเปลี่ยนในหัวข้อนี้ทำให้เกิดสติสัมปชัญญะได้เป็นอย่างมากค่ะ
หัวข้อสุดท้ายที่คุณกล่าวมาอ่านแล้วรู้สึกยินดีมาก
ไม่ใช่เพราะคุณใช้คำพูดนิ่มนวลนะ
แต่เป็นเพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ได้กลั่นกรองแล้ว คิดแล้วจริงๆ
คนที่ทำแอมเวย์ เชื่อไหม เราต้องทำใจว่าจะต้องมีคนรังเกียจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราหดหู่
สิ่งที่ทำให้เราหดหู่คือ การรัก หรือ เกลียด อะไรก็ตาม แบบไม่ลืมหูลืมตา เต็มไปด้วยอคติ
คนแอมเวย์ที่บูชา product ของตัวเอง นั่นก็ดูไม่ดีเลย
คนภายนอกที่เกลียดแอมเวย์ด้วยตั้งอคติไว้ นับว่า… ไม่รู้สิ มันไม่ดีเลยน่ะ
ถ้าจะเกลียด ขอให้เกลียดแบบมีเหตุผล 😀
ยินดีที่ได้จับพัดจับผลูมาแลกเปลี่ยนค่ะ
ขอบคุณสำหรับแนวคิด "แนะนำเพื่อน ในสิ่งที่ได้พิจารณารอบคอบแล้วว่าดีสำหรับเค้าจริงๆ"
นี่คือ idea ที่มีค่ามากอย่างหนึ่งสำหรับคนทำ MLM ที่ดีค่ะ
ขอให้ท่านโชคดีในทุกสิ่งที่ตั้งใจ
classic
ความโง๋+ความโลภ=แอมเวย์
จบ!!!!!!
พีลอง search ด้วย Safari เช้านี้
plynoi ยังมาเป็นที่หนึ่ง แต่ lawender blog มาเป็นที่สี่แล้วครับ ^_^
โมนาวี เขย่าวงการเครือข่ายเมืองไทย จ่ายเยอะจ่ายเร็ว ไม่เก่งก็รวยได้ รับสมัครผู้นำต้นสาย เปิดตัว กุมภา 54แน่นอน!!
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://monawee.com/
แผนการตลาดเค้าล้าสมัยไปแล้วคับ ทำยากมาก
มันไม่ใช่ไม่เหมาะกับวัยหรอก แค่นี้ยังรู้แล้วเลยว่าคุณรู้มาตื้นแล้วออกมาว่าเค้า ไส้กรองตามจริงไม่ได้เปลี่ยนเป็นปีหรอก เปลี่ยนตามการใช้งานซึ่งที่เค้าพูดว่าเปลี่ยนรายปีเพราะครอบครัวส่วนใหญ่ใช้งานแล้วมันหมดอายุการใช้งานก็ประมาณปีนึงพอดี แต่จริงๆมันวัดจากปริมาณการกรอง ถ้าดื่มน้อยขนาดนั้นก็ไม่ต้องรีบเปลี่ยนก็ได้ค่ะ มันก็มีแถบวัดบอกอยู่ ตกลงรู้จริงมั้ยเนี่ยออกมาว่าเค้า??
แล้วก็คุณอาจจะคิดว่าคนเราแก่แล้วค่อยดูแลสุขภาพ ถ้ายังแข็งแรงอยุไม่ต้องรีบก็ได้นั่นก็เป็นความคิดส่วนบุคคลนะคะ แต่ถ้าน้องเค้ารักสุขภาพมากกว่าคุณ ก็อย่าไปว่าเค้าเลยค่ะ
…เรื่องของ " ปัญญา " เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน
…เปิดใจกว้าง ๆ นะ …น้อง ๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะน้องเจ้าของกระทู้นี้….
… แบ่งเวลาเข้าวัดฟังธรรมบ้าง ใจอาจจะสงบขึ้นบ้างนะ
…ปรารถนาดีต่อโยม นะ …
เคารพความคิด ของเจ้าของกระทู้นะ แต่ลองเฉลียวใจสักนิดนะ หากแอมเวย์ไม่ดี คงเจ็งไปแล้ว แต่กลับเ๋จ๋งตลอดกาล ครอบครัวผม ใช้สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพมา 10 กว่าปีแล้ว ทุกคนไนบ้านแข็งแรงดี
ตอนนี้เลยมีความคิดว่า ชักอยากจะทำเป็นธุรกิจแล้วหละอัพไลน์ คงดีใจมาก แต่เราเป็นแอมเวย์ ก้าวหน้านะ แล้วจะกลับมาเล่าให้คุณฟังอีก
สวัสดีครับ
ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ
เดินทางสายกลางกันครับ
รักและเคารพในทุกความคิด
สวัสดีครับ
ผมก็เป็นคนนึงที่ทำแอมเวย์ครับ มุมมองของเจ้าของบล็อกนั้นค่อนข้างแคบครับผม มองตัวธุรกิจไม่ออกครับ ยึดติดกับคำว่าขายตรงครับ
ผมอยากบอกพี่สั้นๆ ง่ายๆ ครับ ตอนนี้แอมเวย์เค้าเปิดเป็นห้างครับ นักธุรกิจมีหน้าที่ทำการตลาดครับ สร้างกลุ่มผู้บริโภคขึ้นมาครับ แนะนำตัวสินค้า แล้วเปิดบัตรสมาชิก แล้วเค้าก็ไปหาซื้อของเองเหมือนห้างทั่วไปนั่นแหละครับ แล้วคนส่วนมาก ที่เค้าใช้ของแอมเวย์ ถ้าของมันไม่ดีจริงเค้าไม่กลับไปซื้อซ้ำหรอกครับ เสียเวลา แล้วภายในร้านก็ไม่ได้มีแต่ของแอมเวย์ที่ขายครับ มีสินค้าที่มาใช้ช่องทางของแอมเวย์กระจายสินค้ามากมายครับ samsung sharp philips etc. พี่เคยเจอคนที่ทำธุรกิจแบบผมเปล่าครับ ที่แค่เล่าเรื่องราวแค่นี้เอง ไม่เคยไปง้อไปตื้อใครครับ เพราะผมเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่เซลล์แมนครับ
ขอบคุณครับ
ที่ต้องเอาสินค้าตัวอื่นมาขายเพราะสินค้าแอมเวย์เองจะไม่รอดแล้วไง…บริษัทแม่ที่อเมริกาก็เปลี่ยนเป็นขายตรงทางอินเตอร์เน็ตแล้วนี่นา เปลี่ยนชื่อเป็นสตาร์อะไรซักอย่างนี่แหละ
ออ…ถึงจะเรียกตัวเองให้ดูดียังไงก็ตามเถอะ จะนักธุรกิจแอมเวย์ หรือ นธอ. (ผมแปลเองว่า นักธรรมเอก…พล่ามจัง สอนจัง)แต่ถ้าสุดท้ายไปขายถึงบ้านล่ะก็ เซลล์แมนครับ เซลล์แมน
อ่าน Blog นี้แล้วชอบจังเลยครับเหมือนได้เรียนMarketing อีกครั้ง ขอบคุณมากครับ
ส่วนท่านที่เขียนว่า"ที่ต้องเอาสินค้าตัวอื่นมาขายเพราะสินค้าแอมเวย์เองจะไม่รอดแล้วไง…บริษัทแม่ที่อเมริกาก็เปลี่ยนเป็นขายตรงทางอินเตอร์เน็ตแล้วนี่นา เปลี่ยนชื่อเป็นสตาร์อะไรซักอย่างนี่แหละ"
อย่าไปเข้า 7-11 ,Big C ,Lotus ,Mackro ,Watson ,Booth ,ร้านชำหน้าหมู่บ้าน เลยครับ เพราะเค้าก็ขายให้คุณโดยเอากำไรอยู่ดี และทุกที่ก็จะเจ๊งแล้วเพราะเอาของแบรนด์อื่นมาขาย บางทีความคิดเห็นกับขข้อเท็จจริงก็ต่างกันนะคร้าบ
อวดคนโง่สวนใหญ่มักจะพูดเรื่องที่ตัวเองไม่รู