ใครทำงานมาคงเคยเจอคนประเภทนี้นะครับ
คนประเภทที่มาออกความเห็นมันทุกเรื่องเวลามีปัญหา
แถมชอบให้ solution อะไรงี่เง่าๆที่มันแก้ปัญหาไม่ได้
พอที่ตัวเองเสนอมันผิด เข้ารกเข้าพงก็หายหัวทันที
แต่พร้อมจะออกมาเข้าฉากถัดไปเสมอ
ผมเรียกไอ้คนจำเภทนี้ว่า Mr. Know Everything
องค์กรไหน แผนกไหนมีคนแบบนี้อยู่ โคตรน่าสงสาร
ปล่าวไม่สงสารองค์กรนะครับ ผมสงสารคนที่ต้องทำงานกับมันนั่นล่ะ
ซึ่งวันนี้ก็กำลังต้องสงสารตัวเอง
เรื่องมันมีอยู่ว่า ลูกค้าที่ผมทำงานด้วยตอนนี้ที่มาเลเซีย
เวลาระบบงานมีปัญหา จะคุณ Know Everything นี่ล่ะ
ช่วยกระพือเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
โดยแนบ Solution แก้ปัญหาของตัวเองมาด้วย
นัยว่ากะเกิดไปพร้อมเลย
น่าเศร้าคือ พี่ท่านไม่ได้รู้จริงอะไรเลย ปัญหาจริงๆก็ไม่รุ้ว่าเกิดจากอะไร
แค่จับแพะชนแกะได้ ก็สั่งเรามาเลยว่าให้แกัปัญหาตรงจุดนี้ซะ
ทั้งๆที่จุดนั้นคือสาเหตุของปัญหาหรือปล่าวก็ไม่รู้
อย่างวันนี้ มี user แจ้งเข้ามาว่าระบบทำงานช้า
พี่ท่านก็เข้าไปดู Monitor ดูฐานข้อมูล
และก็แจ้งปัญหามาที่ผมว่า
“คนใช้งานบอกว่าระบบช้า… ผมเข้าไปดูแล้วเห็นคำสั่งนี้ทำงานช้ามาก
ทำไมอยู่ดีๆมันทำงานช้า แก้ไขให้เร็วที่สุดด้วย”
เห็นไหมครับ เห็นไหมครับ
คือระบบช้าน่ะเข้าใจ แต่ระบบใหญ่ระดับ Enterprise แบบนี้
ไม่บอกมาชัดๆแล้วใครจะรู้ว่าตรงไหนช้า หรือช้าทั้งหมด
แล้วคำสั่งที่พี่ท่านวินิจฉัยด้วยปัญญาแล้วเห็นว่ามันช้านั้น
พี่ท่านยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นคำสั่งของการทำงานไหนในระบบ
ไม่รู้ด้วยว่ามันเอาไว้ทำอะไร
แต่คือกูดูใน Monitor Tool (ที่พวกผมสอนมันไปน่ะล่ะ) สั่งเรียงลำดับเวลาการทำงานดู
แล้วเห็นว่ามันใช้เวลาเยอะ (ซึ่งอาจจะใช้เวลาเยอะเป็นปกติอยู่แล้วก็ได้) ก็จิ่มอันนี้ล่ะ
แล้วพี่ท่านก็เอาเรื่องนี้ไปโพธนาซะทั่วว่า บริษัทต้องจูนคำสั่งนี้ให้
ผมว่ามนุษย์เราน่ะ ไม่ต้อง Know Everything หรอกครับ
Know One Thing or Know Something
แล้รู้ให้ดีที่สุดก็ได้ หรือไม่ก็แค่ออกความเห็น
แต่ไม่ต้องเสนอ Solution แล้วบังคับคนอื่นให้ทำ
ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้ว่ามันแก้ปัญหาได้จริงๆไหม หรือมันเป็นสาเหตุของปัญหาจริงๆไหม
เวลาเจอคนแบบนี้ ผมโคตรอยากกระโดดถีบขาคู่เลยครับ
พับผ่าสิ