ผมไม่มีปัญญาใช้ของชั้นสอง

“ผมไม่มีปัญญาใช้ของชั้นสอง” – The Magic of Thinking Big

ประโยคข้างบนเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของผมมากครับ
ผมอ่านเจอประโยคนี้ครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สาม
จากหนังสือชื่อ “the magic of thinking big
หรือที่วางขายชื่อภาษาไทยว่า “คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก

เหตุผลหลังประโยคนี้คือ…

เราไม่มีปัญญาใช้ของชั้นสอง เพราะมันไม่ทน
คุ้มภาพไม่คุ้มราคา ความสิ้นเปลืองสูง โอกาสต้องเสียเงินซ้ำซ้อนมีเยอะ
เพราะพอของที่ซื้อมันพัง ก็ลำบากเราๆต้องไปหาซื้อชิ้นใหม่มาใช้แทนอีก
ผมจึงบอกตัวเองเสมอว่า

ซื้อของที่ดีที่สุดที่เรามีเงินซื้อได้
บอกตัวเองทุกครั้งที่อยากซื้ออะไรเพราะมันถูกว่า
เราจนเกินกว่าที่จะใช้ของชั้นสอง

ทุกวันนี้เวลาเลือกซื้อของอะไรก็ตาม ผมเลยเลือกของไล่จากดีที่สุดลงมา
จนคุณภาพลงมาเจอกับราคาที่จ่ายได้ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ
แม้บางครั้งบางยี่ห้อในราคาที่เท่ากันจะได้ function เยอะกว่า
แต่เมื่อชั่งน้ำหนักกับเรื่องคุณภาพ บางทีผมก็ต้องถอย

ผมเชื่อว่าเราจะทำใจลำบากมากเมื่อไปเดินเลือก TV แล้วพบว่า
SAMSUNG LED TV 32″ 100Hz ราคาเท่า SONY LCD 32″ 100Hz
ด้วยความโลภ ยังไงเราก็อยากได้ LED TV ที่ภาพสดใสกว่าในราคาเท่ากัน
แต่บอกตรงๆว่าถ้าเทียบกัน ผมยังเลือก SONY

เชื่อไหมว่า ผมซื้อ DVD Player เมื่อ 9 ปีที่แล้วของ Pioneer รุ่น 533k
ราคาตอนนั้น 11,900 บาท ซึ่งตอนนี้มันยังอ่านแผ่นได้ทุกแผ่นเหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นห่วยขนาดไหน มันก็อ่านได้อยู่ดี เทพมากกกกกก
จนวันนี้ต้องมาลุ้นว่า เมื่อไหร่มึงจะพังวะ กูจะได้ซื้อใหม่สักที

ผมซื้อ CRT Monitor ของ Philips 17″ สมัยนั้น ราคา 10,000 บาท
ผ่านไป 7 ปี ทุกวันนี้มันยังใช้งานได้ดีอยู่เลย เสียแต่ว่า coating มันลอก
แล้วกลัวรังสียิงทะลุตา ประกอบกับปัญหาเรื่องสายตา
เลยไปหาซื้อ LCD Monitor มาใช้งานแทน

นอกจากนั้นผมยังมี

พัดลม ฮาตาริที่้ใช้มา 8 ปีแล้ว ยังไม่เคยเสียสักครั้ง

เตารีด Philips ที่ใช้งานมา 9 ปีแล้วเหมือนกัน
ตอนนี้ปลดระวางเพราะพลาสติกกรอบมาก จนมันหลุดออกจากกัน
แต่ยังทำงานปกติอยู่ (นี่ก็ว่าจะซ่อมแล้วเอามาใช้ใหม่)

มาจนถึงทุกวันนี้ก็คิดว่า คงเดินตามแนวคิดนี้ไปเรื่อยๆล่ะครับ

From lawender's blog

From lawender's blog

From lawender's blog

4 thoughts on “ผมไม่มีปัญญาใช้ของชั้นสอง

  1. macbook คือของชั้นสองที่ปลอมตัวมาเป็นของชั้นหนึ่งแบบเนียนโคตรว่ะ T_T

    ส่วน omnia นั้น ซื้อมาในราคาชั้นโหล่ (3,000 บาท) ฮ่าๆๆ

  2. ณ ตอนนี้ ผมไม่ค่อยเชื่อว่า Samsung จะด้อยกว่า Sony นะ เพราะทุกเจ้า แทบจะผลิตในจีน แถมแทบจะทุกชิ้นส่วนด้วย ปัญหาอยู่ที่การ QC มากกว่าlenc

  3. @DrRider

    ผมคิดเหมือนกันครับ
    เรื่องเทคโนโลยี ผมว่าไม่ต่างกัน แต่ที่ต่างกันมากคือเรื่อง QC กับบริการหลังการขาย

    ปัญหาที่ผมเจอหลักคือ SAMSUNG มีการ sub งานออกไปให้ข้างนอกรับงานซ่อม ซึ่ง SAMSUNG เองไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ครับ ลองดูในห้องชายคาที่พันทิพย์ได้ครับ บ่นกันระงม

    ส่วนเรื่องฐานการผลิต ตอนนี้ made in China เกรดดีกว่า made in Thailand ไปแล้วครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *