วันนี้เป็นวันแรกของการไปทำงานครับ
และผมก็ตื่นตั้งแต่ก่อนหกโมงอีก
เพื่อเอาเวลามารถน้ำต้นไม้ เก็บของไปทำงาน
เพราะไม่ได้ไปทำงานสักเดือนได้แล้ว
เลยนั่งระลึกชาติหน่อย ว่าต้องเอาอะไรไปให้ใครมั่ง
พอเก็บของได้ ผมก็เปิดประตูรั้วเอารถออกตามปกติ
แล้วก็ล็อครั้วซะ
ขับไปได้ถึงปากซอย คิดได้แบบลังเลว่า
กูล็อคบ้านยังวะ…
ยังไม่ล็อคแน่เลยว่ะ
แต่เอ…ต้องล็อคแล้วซิ..
แต่กูล็อคตอนไหนวะ เพราะตอนเปิดประตูรั้ว
กูเพิ่งหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง
คือถ้าล็อคบ้านแล้ว ก็ต้องถือกุญแจมาเปิดรั้วเลย
ผมจะไม่เอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกงแล้ว
เพราะมันห่างกันแค่ห้าเมตร
พอขับรถมาได้อีกนิดนึง มั่นใจ 60% ว่าไม่ได้ล็อคแน่ๆ
ใจอยากขับรถกลับมาดู แต่อีกใจก็ทัดทานว่า
มึงต้องล็อคแล้วสิ
จงเชื่อในการะบวนการของร่างกายตัวเอง
ว่าเราทำทุกอย่าง automatic แล้ว
บางครั้งเรา “จำ” ไม่ได้ แต่ร่างกายมัน “ทำ”
คิดอย่างนั้นผมเลยไม่กลับไปดูว่าบ้านล็อคยัง
ปล่าวครับ… ไม่ได้เชื่อร่างกายตัวเอง
เพราะเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่
ระบบของตัวเองมันไม่ automatic อยู่แล้ว
คือไอ้ของพวกนี้ ผมจะทำแบบเดิมๆซ้ำๆกันทุกวัน
จนร่างกายมันจำได้ ไม่ต้องคิดมันก็ทำเอง
นั่นคือล็อค เชคล็อค แล้วค่อยออกจากบ้าน
แต่ที่เชื่อคือ
1. ข้างบ้านมีป้าอยู่บ้านทั้งวันไม่ไปไหน
2. เชื่อในยามหมู่บ้านที่ไม่ให้คนนอกเข้ามาง่ายๆ
3. คนจะรู้งวว่าบ้านไม่ได้ล็อคต้องปืนรั้วเข้ามาเปิดประตูหน้าบ้านดู
ถึงจะคิดได้ยังงั้น แต่ตอนเย็นกลับมาบ้าน
ลุ้นชิบหาย….
พอจอดรถปุถ๊บ เอารถเข้าบ้าน
ผมเปิดประตูบ้านเชคปั๊บ
นั่นไง…
ไม่ได้ล็อคจริงๆด้วย
เวร…