สมัยเรียนเศรษฐศาสตร์ตอนอยู่ ม.ต้น มีคำหนึ่งที่อาจารย์สอนแล้วผมชอบมากคือคำว่า “ต้นทุนค่าเสียโอกาส”
เนื่องจากว่าทางเศรษฐศาสตร์นั้น เราไม่สามารถมองแค่ปัจจัยที่มองเห็นมาเป็นต้นทุนได้ ซึ่งทุนที่มองเห็นทางเศรษฐศาสตร์มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ เช่น
- ที่ดิน
- เงินทุน
- แรงงาน
- เครื่องจักร
แต่ยังมีอีกแกนนึงที่เราต้องเอามาคิดเป็นต้นทุนด้วยคือเวลา ซึ่งเค้าเลยเรียกมันว่า “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” ยกง่ายๆเลยเช่นรถไฟฟ้า ที่เราไม่ทำส่วนต่อขยายให้เสร็จเร็ว นับวันต้นทุนต่างมันยิ่งสูง แถมความเสียหายทางธุรกิจ หรือมูลค่าทางธุรกิจอื่นๆที่เราจะได้ตามมาเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จก็ต้องเอามานับเป็นต้นทุนด้วย
พอดีนึกเรื่องนี้เพราะระหว่างที่กำลังคุยเรื่องราคาบ้านอยู่กับเพือนที่ที่ทำงาน เค้าก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าเค้าซื้อบ้านเมื่อสองปีที่แล้วเค้าจะสามารถซื้อบ้านได้ราคาถูกกว่านี้ราวๆ 1 ล้านบาท แต่ที่พ่อเค้าไม่ยอมซื้อตอนนั้น เพราะคิดว่าจะเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อนค่อยจะซื้อ
ที่ตลกก็คือ 2 ปี คนเราเก็บเงินได้อย่างมากก็ 4-5 แสน แต่ราคาบ้านขึ้นไปหนึ่งล้านบาท กลายเป็นว่าแทนที่เงินเยอะขึ้นจะเป็นหนี้น้อยลง กลับเป็นหนี้มากกว่าเดิม เพราะราคาบ้านมันพุ่งขึ้น
ตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ในแพร่งนี้เหมือนกัน คือตอนนี้เรารู้ว่าราคาวัสดุขึ้นไปแล้ว 30% ก็รอปีหน้า ราคาบ้านขึ้น 20-30% แน่ ซึ่งถ้าบ้านราคา 3 ล้านตอนนี้ ก็อาจจะราคา 3.5 – 4.0 ล้านบาท ในตอนนั้น
จะซื้อตอนนี้เลย หรือรอซื้อตอนนั้น
กำลังมองต้นทุนค่าเสียโอกาสเป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกันครับ
การซื้อบ้านสมัยนี้เหมือนตัดสินใจก่อน ได้ของที่ถูกกว่า ฉันซื้อบ้านเมื่อ 3 ปีที่แล้วราคา 2.89 ล้านบาท ผ่านไปแค่ครึ่งปีบ้านที่อยู่ติดกันขายในราคา 3.29 ล้านบาท
ส่วนเฟสใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่ต้องพูดถึงค่ะ 3.49 ล้านบาทเข้าไปแล้ว นี่ถ้ารอเก็บเงิน คงจะเป็นหนี้หัวโตมากกว่านี้ค่ะ